Duplicate content คืออะไร ทำไมถึงมีผลเสียต่ออันดับSEOทั้งเว็บไซต์

แชร์เทคนิคไอเดียการคิดและทำ Original Content หลีกเลี่ยงการ Duplicate content หรือ copy บทความคอนเทนต์มาทั้งดุ้น ส่งผลให้ลดคะแนนแรงก์บนหน้า SERP ของ Google อีกทั้งกูเกิ้ลอาจจะไม่บันทึกหน้านั้นลงระบบทำให้หน้าเพจนั้นไม่ติดอันดับใดๆ บทความเสี่ยงถูกแบน และที่สำคัญเว็บไซต์ทั้งเว็บอาจจะถูกลดความน่าเชื่อถือ ทำให้อันดับwebsiteตกแบบกราวรูด ดีไม่ดีก็ถูกแบนทั้งwebไปเลยทีเดียว

ความตั้งใจที่จะ copy บทความมาแต่ละย่อหน้าทั้งหมดหน้า page/post หรือ การแอบไปก็อปปี้คอนเทนต์จากเว็บอื่นๆอย่างละนิดอย่างละหน่อยโดยไม่เรียบเรียงใหม่ เป็นสิ่งที่ต้องห้าม ถ้าเจอต้องทำใหม่หมด เกณฑ์ของ google จะลดอันดับเว็บ ลดการมองเห็นทั้งเว็บและบทความที่ไปก็อปปี้มา ส่งผลเสียต่อการทำ SEO

Duplicate Content คืออะไร

Duplicate Content คือ การทำซ้ำเนื้อบทความของจากเว็บอื่นๆมาใส่หน้า page/post ของเว็บเรา หรือการ copy เนื้อหาจากหน้าอื่นของเราไปใส่ในหลายๆหน้าคอนเทนต์(อยู่คนละURL) เพราะเกณฑ์การให้คะแนนใหม่ของกูเกิ้ลให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากที่สุด

โดยถ้าเอาใจความเนื้อหามาแต่เราเขียนด้วยภาษาของเราเอง อันนี้ไม่ถือเป็น duplicate content เดี๋ยวเรามาอธิบายวิธีการสังเกตให้ท่านได้เข้าใจ (สนใจกด >> รับทำ SEO)

ทำไมถึงเกิด Duplicate Content?

โดยปกติแล้วการเกิดบทความซ้ำซ้อนกันแบบไม่ได้ตั้งใจ มักจะเกิดจาก 3 กรณีดังนี้

  1. นำบทความที่เขียนในเว็บไปลงใน platform อื่นๆ เช่น pantip , social media , medium โดยการ copy and paste
  2. เว็บไซต์มี feature บางอย่างในการ generate URL เพิ่มเติมจาก URL ปกติ เช่น http/https หรือ การมีหรือไม่มี www หน้า url ทำให้มีเนื้อหาเหมือนกัน 100%
  3. มีเว็บอื่น copy บทความของเราไป แต่เราจะไม่ได้รับผลกระทบเพราะ algorithm ของ search engine บันทึกเนื้อหาของเราไปในระบบก่อน

สาเหตุของการเกิด Duplicate Content?

  • 1. บนเว็บไซต์เดียวกัน

Internal Duplicate Content คือ บทความคอนเทนต์ที่ซ้ำกันภายในเว็บไซต์ของเราเอง เหตุเกิดจากการใช้คอนเทนต์เก่าในเว็บมาใช้แบบ copy and paste หรือ การก็อปปี้บทความในเว็บไปใช้เป็นส่วนนึงของบทความในการโปรโมทข่าวสารหรือจัดทำ event ต่างๆ

URL มีหรือไม่มี www

บาง server มีการ generate บทความเนื้อหาเดียวกันในรูปแบบหลายๆ URL ที่ต่างกัน เช่น ‘http’ กับ ‘https’ หรือ ‘www’ กับ ‘ไม่มี www’ จึงทำให้เกิด Duplicate Content ได้เช่นกัน

ตัวอย่าง

  • https://www.example.com/
  • http://www.example.com/
  • https://example.com/
  • http://example.com/

การเปลี่ยน URL ใหม่

บางคนต้องการเปลี่ยนชื่อเว็บไซต์แต่อยากได้บทความเดิม โดยไม่ได้ทำ redirect 301 จาก url เก่าเป็น url ใหม่ จึงทำให้เกิด duplicate content

ตัวอย่าง

  • URL ใหม่: www.example.com/about-us
  • URL เดิม: www.example.com/about-us.php

ใช้ URL Parameter

การใส่ Parameter ใน URL เช่น การเก็บข้อมูลผู้ใช้งานบนเว็บ(ID session) หรือ Tracking เป็นการใส่ URL parameter ทำให้เกิด Duplicate Content ได้เช่นกัน

ตัวอย่าง

  • www.example.com/category/product/?utm_source=facebook…
  • www.example.com/category/product/

(สนใจกด >> รับสอน SEO)

  • 2. บนเว็บไซต์ที่ต่างกัน

External Duplicate Content คือ บทความเนื้อหาที่ได้นำไปใช้ในเว็บไซต์อื่นๆ คอนเทนต์ของเว็บเราถ้าคนอื่นนำไปใช้ ผลเสียจะเกิดกับคนอื่นไม่ใช่เรานะ ทั้งการ copy ไปบางส่วนหรือทั้งหมดหน้า

การcopyเนื้อหาทั้งหมด

ถ้าก็อปปี้บทความเนื้อหาจากหน้า page/post ของเว็บอื่นโดยไม่ได้นำมาเขียนในสำนวนตัวเอง 

การcopyเนื้อหาบางส่วน

ถ้าท่านคัดลอกคอนเทนต์ของหลายๆหน้าเว็บมาตัดแปะอย่างละนิดละหน่อย กูเกิ้ลบอทก็รู้อยู่ดี 

การใช้ข้อมูลจากแหล่งเดียวกัน

เนื้อหาข่าวเก่าๆหรือสินค้าอีคอมเมิร์ซที่เป็นรุ่นเดียวกัน แม้กระทั่งข่าวสารประชาสัมพันธ์ บางคนนำมาลงทั้งหมดโดยไม่เขียนใหม่

ผลกระทบของการมี Duplicate Content

การที่เว็บไซต์มีเนื้อหาซ้ำกันบนโลกออนไลน์ถือเป็นเรื่องไม่ดี โดย Google มองว่าเว็บไซต์ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาผู้อื่น ทำให้ถูกมองว่าเป็นเนื้อหาที่มีคุณภาพต่ำ เนื่องจากการแสดงเนื้อหาที่ซ้ำกันในหน้าการแสดงผลค้นหาของ Google นั้นไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้

Duplicate content ส่งผลเสียต่อการทำSEO อย่างไรบ้าง

1. อันดับบนหน้า Google ลดลง

การที่เรามีเนื้อหาซ้ำกับเว็บอื่นๆทำให้กูเกิ้ลมองเป็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาผู้อื่น คอนเทนต์เราจะเป็นสิ่งที่ไม่มีคุณภาพ ทำให้ผู้เข้าชมไม่ได้ประโยชน์จากเว็บเรา ทำให้อันดับของหน้าเว็บนั้นลดลงหรือหายไป และอันดับโดยรวมเว็บไซต์ลดลง ลดการแสดงผล ส่งผลเสียต่อการทำ SEO โดยรวมเนื่องจากคุณภาพเว็บไซต์ไม่ดี

การลดลงของ organic traffic ทำให้อันดับลดลงตามมาซึ่งต้องเสียเวลามาแก้ไขนานกว่าเดิม

2. Google ไม่ Index หน้าเว็บ

เว็บที่ทำบทความเนื้อหาคอนเทนต์แล้วกูเกิ้ล index ก่อนจะถือเป็นเนื้อหา original ดังนั้นหน้า page/post ใดมีคอนเทนต์ซ้ำกับอันที่มาก่อน google จะไม่ index หรือแสดงบทความนั้นๆ เพราะเสียทรัพยากรและส่งผลลบต่อประสบการณ์ผู้มาอ่านข้อมูลเว็บนั้นๆ เพราะซ้ำซ้อนกันไปหมด ไม่ได้อะไรใหม่เพิ่มเติม

เรียกได้ว่าเสียทั้งเวลา เสียอันดับเว็บโดยรวม การแสดงผลโดยรวม ต้องทำใหม่อีกรอบเพื่อกู้อันดับ

3. หน้าเว็บถูกซ่อนจากผลการค้นหา

เนื้อหาที่ซ้ำกัน google จะเลือกแสดงผลเว็บไซต์ที่มาก่อน ส่วนหน้าอื่นๆจะไม่แสดงผล โดยเราสามารถหา keyword ที่เราทำในหน้านั้นจะพบว่า ไม่ปรากฎในอันดับการแสดงผลใดเลย

ถ้ามีเนื้อหาที่ซ้ำกัน แล้วเว็บไหนจะถูกมองว่าลอกมา?

ใครที่ส่งให้ google bot แล้วได้ index ก่อนจะถึงว่าเป็น original content โดยถ้ามีใคร copy คอนเทนต์เราไปหลังจากนี้ คือ duplicate content ทั้งหมด ซึ่งจะถูกลดคะแนน SEO โดยหลังจากนี้เว็บเราอาจจะต้องระวังเนื้อหาที่ไปนำมาจากเว็บอื่นด้วยเช่นกัน

ที่สำคัญคือเว็บเดียวกันแต่ไปนำเนื้อหามาจากหน้าอื่นของเว็บก็ถือว่าไม่สมควรอีกเช่นกันนะ

วิธีตรวจสอบ Duplicate Content

เรามีวิธีการง่ายๆในการตรวจสอบ Duplicate Content มาฝากเพื่อให้ท่านได้ตรวจสอบเว็บท่านดู (สนใจกด >> รับดูแลเว็บไซต์ wordpress)

1. ตรวจสอบการ Indexed Pages

ให้เข้า google แล้วพิมพ์ site:ชื่อเว็บไซต์ เช่น site:markettium.com จะพบหน้าที่กูเกิ้ล index พร้อมแสดงผลการค้นหาแล้ว ซึ่งจะคือหน้าทั้งหมดของเรา โดยถ้าเราพบหน้าที่มีความแปลกปลอมมากกว่าที่เราสร้างเราจะพบที่จุดนี้

หรือใช้โปรแกรม google search console และเข้าไปที่หน้า จะพบว่ามีหน้าที่ตรวจพบ หน้าที่แสดงผล หน้าดีและเสียที่ต้องปรับปรุงเท่าไหร่พร้อมเหตุผล อีกทั้งหน้าที่ index เข้ามาแบบเราไม่ต้องการ

2. ตรวจสอบ URL Inspection

เข้าไปที่โปรแกรม Google Search Console แล้วนำ URL พิมพ์ลงไปในช่องตรวจสอบurl หลังจากนั้นระบบจะรายงานหน้านั้นว่าได้มีการตรวจพบหรือยัง หรือindexและแสดงผลแล้ว

3. ตรวจสอบการคัดลอกเนื้อหาข้ามเว็บไซต์

ให้เรา copy เนื้อหาของเราแต่ละย่อหน้าแล้ววางไปในช่องค้นหาของ google ถ้าหากพบตัวอักษรสีแดงยาวเป็นแนวไม่มีเว้นวรรคเลย ก็ถือว่าเรามีคอนเทนต์ซ้ำกับเว็บที่แสดงและมีแถบตัวอักษรสรแดงนั้น แต่ถ้าหากเป็นสีแดงสลับสีปกติก็ไม่ใช่การ duplicate content

เครื่องมือช่วยตรวจจับ Duplicate Content สำหรับ SEO

คุณสามารถที่จะใช้เครื่องมือดังต่อไปนี้เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้มี Duplicate Content เมื่อทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ของคุณ

  1. Siteliner
  2. Copyscape

ส่วนเว็บไซต์ไหนที่มีหน้าจำนวนมากสามารถใช้ Tool เป็นตัวช่วยได้ ทำให้ค้นหาเว็บไซต์ที่ทำการ Copy เนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายมากขึ้น

วิธีแก้ไขหากพบว่ามี Duplicate Content

1. สร้าง Canonical Tag

วิธีคือการใส่ URL ของหน้าบทความหลักไปไว้ในหน้าที่มีคอนเทนต์ซ้ำกันโดยใส่ใน Canonical Tag (rel=”canonical) เพื่อแจ้ง Google ว่าหน้าเว็บไหนที่เป็นหน้าที่เราต้องการให้ Index ในกรณีมีเนื้อหาซ้ำกันหลายๆหน้า(ใส่ Canonical Tag ลงในหน้ารองอื่นๆที่ไม่ใช่หน้าoriginal content เพื่อส่งเตือนให้บอทกูเกิ้ลรู้หน้าที่เราต้องการแสดงผลจริงๆ)

วิธีใช้ Plugin Yoast SEO ของ WordPress ทำ Canonical tag

  1. กดแก้ไขหน้า page/post (edit page/post)
  2. เลื่อนลงไปด้านล่าง จะพบ Yoast plugin ให้หาหัวข้อ advance
  3. กด drop down จะพบหัวข้อ canonical url
  4. ให้ใส่ URL หน้าที่ต้องการให้เป็นหน้าหลัก

2. ทำ Redirect 301

เมื่อเกิดการที่บทความนั้นมีหลาย URL ที่แสดงผลเหมือนกัน เราต้องทำ redirect 301 ป้องกันความซ้ำซ้อนของคอนเทนต์ เพื่อไม่ให้แข่งกันแสดงผล ทำให้เกิดการ refer หน้ารองไปหน้าหลักทั้งหมดเมื่อมีการค้นหา ส่งผลให้หน้าหลักมี Traffic เยอะขึ้นกว่าเดิม ซึ่งส่งผลให้อันดับบน Google ดีขึ้นอีกด้วย (สนใจกด >> รับทำเว็บไซต์ รับออกแบบเว็บไซต์)

3. ตรวจสอบคอนเทนต์

ใช้เครื่องมือ Plagiarism Checker เช็คว่ามีคนคัดลอกเนื้อหาไปที่เว็บไหนบ้าง ป้องกันในกรณีที่จ้างคนอื่นทำคอนเทนต์ให้ จะได้รู้ว่าคนทำบทความได้ทำจริงหรือมั่วนิ่ม นักเขียนควรเขียนขึ้นใหม่ในภาษาและรูปแบบของตัวเอง

4. ปรับเปลี่ยนคอนเทนต์ให้เป็น Original Content เสมอ

นั่นคือการเขียนคอนเทนต์ใหม่ในสไตล์เรานั่นเอง และถ้าต้องการนำคอนเทนต์ไปเผยแพร่ที่ช่องทางอื่นก็ต้องเขียนด้วยภาษาใหม่อีกรอบหากต้องการทำบทความเว็บอื่นเพื่อส่ง backlink มาที่เว็บเรา

5. แจ้งปัญหาไปยัง Google

เราสามารถแจ้งกูเกิ้ลได้ในกรณีมีคนมาคัดลอกเนื้อหาในเว็บเราไปเยแพร่ ทำให้อันดับหน้าเพจอีกฝ่ายหายไปจากการค้นหาได้เลย โดยแจ้งให้กูเกิ้ลดำเนินการผ่านลิ้งค์นี้ google.com/webmasters/tools/dmca-notice

อ้างอิง : support.google.com

ข้อผิดพลาดของการใช้ Duplicate Content ที่มักพบเห็นได้ทั่วไป

เราจะมาพูดถึงสองข้อผิดพลาดที่มักพบเห็นได้ทั่วไปของการใช้ Duplicate Content สั้น ๆ ดังนี้ (สนใจกด >> รับทำเว็บไซต์ wordpress)

  1. ข้อมูลผลิตภัณฑ์ – ในกรณีที่คุณมีร้านค้าออนไลน์และมีการขายสินค้าที่ไม่ใช่แบรนด์ของคุณเอง ซึ่งก็มีโอกาสว่าจะมีผู้ขายรายอื่น ๆ อีก และผู้ขายทั้งหมดก็คงจะได้รับข้อมูลผลิตภัณฑ์เดียวกัน เราแนะนำว่าคุณควรที่จะเขียนข้อมูลผลิตภัณฑ์ขึ้นมาเองเพื่อสร้างความโดดเด่นและแตกต่าง ในขณะเดียวกันก็เป็นวิธีในการหลีกเลี่ยงการใช้ Duplicate Content อีกด้วย
  2. เกี่ยวกับเรา – เว็บไซต์หลายเว็บไซต์มักที่จะมีหน้าต่าง ๆ ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือธุรกิจเช่นหน้า ‘เกี่ยวกับเรา’ ‘เราคือใคร’ หรือ ‘ติดต่อเรา’ การนำเอาเนื้อหาหรือประโยคเด็ดจากหน้าใดหน้าหนึ่งมาใช้ซ้ำในอีกหน้าหนึ่งอาจเป็นเรื่องที่เย้ายวนใจ แต่เป็นสิ่งที่คุณควรจะหลีกเลี่ยงเนื่องจากว่าเป็นการก่อให้เกิด Internal Duplicate Content และจะส่งผลเสียต่อการทำ SEO รวมไปถึงธุรกิจของคุณ

Original Content คืออะไร

Original Content คือ Content ที่เขียนขึ้นมาใหม่ไม่ซ้ำใคร หรือเรียกว่าคอนเทนต์ต้นฉบับ โดยมากมักจะเป็นเนื้อหา รีวิวของแต่ละบุคคล บทเรียนที่ต้องรู้ซึ่งมาจากประสบการณ์จริง ทำโดยไม่มี Refference ใดๆ

การทำบทความ Original Content เพื่อมาช่วยเรื่อง SEO

ถ้าคุณเลือกเขียนคอนเทนต์ที่มาจากการภาษาของคุณเอง ไม่ซ้ำกับเจ้าอื่นๆ ใน Search Engine ทาง Google ก็จะเลือกให้คะแนนเว็บไซต์คุณมาก จนสามารถไปติดอันดับต้นๆ ของหน้าการค้นหาได้ (ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับ Keyword และการทำ SEO โดยรวมของคุณด้วยนะ)

นอกจากประโยชน์ในการสร้างความโดดเด่นเหนือคู่แข่งแล้ว ในมุมของการทำ SEO Original Content ก็สามารถเข้ามาทำให้ Ranking ของเว็บไซต์ของคุณดีขึ้นได้เช่นกัน

เทคนิคการสร้างบทความ Original Content อย่างมีคุณภาพ

การเพิ่มความน่าสนใจให้บทความคอนเทนต์ มีความโดดเด่นไม่ซ้ำใคร มีเทคนิคให้เรียนรู้ในการสร้าง Original Blog Content บนเว็บไซต์ของคุณ ทำอย่างไรได้บ้าง

เทคนิคที่ 1 : Identify Trends

เอากระแสที่ถูกพูดถึงอย่างมากในปัจจุบัน หรือ กระแส Real-Time มาสร้างเป็น Original Blog Content โดยอาจจะเลือกดูเทรนจากสื่อ Social Media เช่น Facebook , X(Twitter)

ซึ่งเครื่องมือที่ใช้ดูเทรนก็มี เช่น Buzzumo , Quora เพื่อหา idea สร้างคอนเนต์ โดยดูคีย์เวิร์ดที่เราต้องการใส่ลงไป

เทคนิคที่ 2 : Content Tranformation

การนำคอนเมนต์จากต่างประเทศมาแปลด้วยภาษาเราเองโดยไม่ใช้ Google translate คือ Content Tranformation ทั้งนี้อาจจะดูข้อมูลจากหลายเว็บแล้วนำมาสรุป โดยควรน่าสนใจตรงกับกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจเรา

เทคนิคที่ 3 : Ask your Audience (ถามกลุ่มเป้าหมายเลยว่าต้องการอะไร)

ใช้ข้อมูลจากกลุ่ม social media หรือ เว็บบอร์ดอย่าง pantip มาเขียนคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์ให้กิจการของคุณ (สนใจกด >> รับทำเว็บไซต์ E-Commerce)

เทคนิคที่ 4 : สร้าง Original Content ด้วยประสบการณ์ของเราเอง

คนมักสอดรู้สอดเห็นกับเรื่องราวของคนอื่น ให้เรา list หัวข้อหลักในการเขียนแล้วใส่ประสบการณ์ของเราลงไป คนจะเกิดอารมณ์ร่วมได้มากกว่า

  • คุณเรียนรู้อะไรบ้างในเวลานั้น? (เล่าถึงอดีตของคุณ)
  • มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างตั้งแต่คุณเริ่ม (เล่าถึงปัจจุบันของคุณ)
  • หากคุณต้องย้อนกลับไปและให้คำแนะนำกับตัวเองเมื่อเริ่มอาชีพของคุณ มันจะเป็นอย่างไร?

เทคนิคที่ 5 : โฟกัสที่ Headline ของคอนเทนต์

แม้ว่าคุณจะมีการสร้างสรรค์ Original Content ที่ดีมากเท่าไหร่ แต่ถ้า headline ไม่เร้าใจ ก็ไม่มีคนอ่านเนื้อหา โดย 80% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตจะเลือกอ่านแค่ Headline ของบทความ และมีเพียง 20% เท่านั้นที่จะกดเข้าไปอ่านบทความของคุณ

ดังนั้นให้ตั้งชื่อหัวข้อให้น่าสนใจและสัมพันธ์กับบทความ จะส่งผลดีต่อ SEO และเกิด Traffic organic จริงเข้ามา โดยได้ใจได้ Engagement

  • ลองหา Keyword ที่ต้องการใส่ในบทความ มาใส่ใน Headline รวมไปถึง Meta Tags และ Description ต่างๆ ก็เกิดผลดีด้าน SEO
  • โดยไม่เกี่ยวกับ SEO เลย อยากได้แค่ Traffic & Engagement ก็ให้ตั้งชื่อตามใจเราเลยโดยตั้งแบบดึงดูดมากๆให้ใช้ประโยชน์ที่คนอ่านจะได้รับมาล่อ

สำหรับเครื่องมือ Generate Topic Blog แนะนำเครื่องมือที่ชื่อว่า Blog Title Generator เพราะมีการใช้งานง่ายๆ แค่เพียงคุณใส่ Keyword ที่ต้องการแล้วเลือก Category ของ Content ระบบก็จะคิด Headline ที่เหมาะสมกับคอนเทนต์ของคุณมาให้เลือกมากมาย

เทคนิคที่ 6 : มัดรวบตึง Recap & Combine Content

เป็นเทคนิคที่นำเอาคอนเทนต์หลายที่มาเขียนให้ครบในภาษาตัวเอง นั่นคือเทคนิค Recap&Combine Content ทำให้ผู้อ่านต้องไม่พลาดอ่านเพราะครบมากๆๆๆ

 

สรุป

คอนเทนต์เป็นสิ่งที่สำคัญในการทำ SEO (Search Engine Optimization) เคยไหมที่พยายามเพิ่มคอนเทนต์เพื่อให้หน้าเว็บติดอันดับแรก ๆ บน Google แต่ไม่ว่าจะเพิ่มไปมากแค่ไหนก็ไม่สำเร็จสักที สาเหตุหนึ่งอาจมาจาก Duplicate Content ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย และเป็นสาเหตุที่ทำให้อันดับเว็บไซต์ต่ำลงหรืออาจจะไม่ติดอันดับเลยก็ได้

  • อันดับบนหน้า Google ลดลง หรือหาหน้าเว็บไม่เจอใน Google เป็นผลเสียที่อาจเกิดขึ้นจาก Duplicate Content หรือคอนเทนต์ที่ซ้ำกัน ซึ่งมีผลกระทบต่อการทำ SEO ที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง
  • Duplicate Content อาจเกิดขึ้นได้ทั้งแบบตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ รวมทั้งเกิดขึ้นทั้งในเว็บไซต์ของเราเองและเว็บไซต์อื่น ๆ จึงควรตรวจสอบหาสาเหตุและหาวิธีแก้ไขต่อไป

ซึ่งบทความนี้เราได้แนะนำวิธีการทำ Original content มาแก้ปัญหาให้ท่านได้แล้ว ขอให้ท่านสบายใจได้ Original content คือหนึ่งในหัวใจของเว็บคุณภาพ

ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ Google ให้ความสำคัญกับคอนเทนต์คุณภาพเป็นอย่างมาก กล่าวคือคอนเทนต์ที่มีคุณลักษณะต่อไปนี้

  • Remarkable : เป็นที่สนใจ
  • Informative : ให้ข้อมูลละเอียด
  • Relevant : คอนเทนต์สอดคล้องกับคีย์เวิร์ด
  • Unique (Original) : เนื้อหาเป็นต้นฉบับ
  • Rich : มีความหลากหลาย เช่น วีดีโอ รูปภาพ

ถ้าอยากได้รับ Rank ที่ดีในระยะยาว ก็ให้ทำบทความตามที่ได้กล่าวไว้ ตั้งแต่วันที่เริ่มต้นก็ควรเริ่มด้วย Original คอนเทนต์เอาไว้มากๆ 

ถ้าใส่ส่วนผสมอื่นๆ เช่น เพิ่มความ Unique, เพิ่มความ Informative, เพิ่มความ Rich ดังนั้น หากเรารู้จักการ Add value ลงไป แม้จะไม่ใช่ Original content 100% ก็สามารถเพิ่มคุณค่าได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!