รับวางแผนการตลาดออนไลน์ กลยุทธ์ตลาดออนไลน์ แผนธุรกิจออนไลน์
บริษัทรับวางแผนการตลาด MARKETTIUM รับวางแผนการตลาดออนไลน์ โปรโมทสินค้าออนไลน์ วางกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ วางแผนการขายของออนไลน์ ช่วยสื่อสารการตลาดออนไลน์ ธุรกิจออนไลน์ ในโลกยุคดิจิตอล การวางแผนธุรกิจออนไลน์ การเขียนแผนธุรกิจออนไลน์ ที่ดีจากผู้เชี่ยวชาญจะช่วยธุรกิจของคุณอย่างมาก
MARKETTIUM เราคือ อันดับ1 รับวางแผนการตลาดออนไลน์ โดยคนรุ่นใหม่ไฟแรง วางกลยุทธ์การขายของออนไลน์ โดยบทความนี้จะยกตัวอย่างแผนการตลาดออนไลน์ กลยุทธ์ออนไลน์ ต่างๆรวมถึงขั้นตอนการตลาดดิจิตอล
หากท่านอยากปั้นแบรนด์ให้ดังและปังบนโลกออนไลน์ต้องรู้จัก วางกลยุทธ์ธุรกิจออนไลน์ วางแผนธุรกิจออนไลน์ ให้ดี และกลยุทธ์ธุรกิจออนไลน์ที่ว่าก็คือ แผนการตลาดออนไลน์ (Online Marketing Plan) หรือ แผนธุรกิจออนไลน์ ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์ดังหลายเจ้า
ทุกวันนี้มีธุรกิจเกิดขึ้นให้เห็นมากมาย โดยเฉพาะธุรกิจบนโลกออนไลน์ที่ผุดขึ้นมาเยอะแยะ จนผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าบริการกันไม่ถูก บางแบรนด์ก็เติบโตขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดมีคนรู้จักมากมาย สร้างยอดขายได้อย่างมหาศาล
แต่บางแบรนด์กลับได้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม ไม่รู้วิธีทำการตลาดออนไลน์ให้ได้ผล ไม่รู้ว่าต้องเลือกช่องทางไหน เลือกใช้ภาษาหรือข้อความในการสื่อสารอย่างไร หรือแม้แต่ไม่รู้ว่าควรเลือกยิงโฆษณาไปหากลุ่มเป้าหมายแบบไหน
ซึ่งสาเหตุนั้นอาจมาจากการที่ไม่มีเป้าหมายทางธุรกิจที่ชัดเจน ขาดการวางแผนการตลาดออนไลน์/วางแผนการขายของออนไลน์ ซึ่งก็คือ แผนธุรกิจออนไลน์ ส่งผลให้มองไม่เห็นเส้นทางที่ควรเดินนั่นเอง
ดังนั้น การวางแผนธุรกิจออนไลน์ การเขียนแผนธุรกิจออนไลน์ ที่ดีถือเป็น กลยุทธ์ธุรกิจออนไลน์ ที่จะช่วยให้เส้นทางสู่เป้าหมายของธุรกิจออนไลน์ของท่านชัดเจนขึ้น ขอให้ท่านวางใจเรา อันดับ1 กลยุทธ์การขายของออนไลน์ โดยคนรุ่นใหม่ไฟแรง มีเทคนิคและเครื่องมือสำคัญสำหรับทำ แผนการตลาดออนไลน์ เพื่อยกระดับธุรกิจของท่านในโลกออนไลน์ มีแผนชัดเจน รวมกันกับเราเติบโตไปได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
แผนการตลาดออนไลน์คืออะไร?
แผนการตลาดออนไลน์ คือ กลยุทธ์หรือแผนที่ธุรกิจคิดค้นและเขียนขึ้นมาเพื่อกำหนดเป้าหมายลงมือสร้างผลงาน และสรุปผลลัพธ์ที่เกิดจากการทำการตลาดภายในช่วงระยะเวลาที่กำหนดไว้บนช่องทางอ่อนไลน์ต่างๆ หรือสามารถเรียกอีกอย่างว่า แผนการทำ Digital Marketing ก็ได้เหมือนกัน (สนใจกด >> รับวางแผนการตลาดออนไลน์)
แผนการตลาดออนไลน์ คือ แผนที่ถูกเขียนขึ้นมาให้ทั้งทีมมองเห็นเป้าหมาย รู้ว่าควรทำอะไรตอนไหน อย่างไร และเอาไว้ดูว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นประสบความสำเร็จมากน้อยขนาดไหนนั่นเอง เรียกได้ว่าเป็น Roadmap ที่จะพาธุรกิจก้าวสู่เป้าหมายได้อย่างไม่หลงทาง
กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ คืออะไร?
กลยุทธ์การตลาดออนไลน์(Digital Marketing Strategy) คือ การกำหนดเป้าหมายในการทำการตลาดออนไลน์และกำหนดวิธีการต่าง ๆ ที่จะช่วยให้บรรลุในจุดประสงค์ ส่วนวิธีการต่างๆที่ว่านั้นก็คือ Digital Marketing Campaign
ยกตัวอย่างเช่น หากเป้าหมายของคุณคือการเพิ่มยอดขายด้วยกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ โดยกำหนดกลยุทธ์คือการสร้างรายชื่อฐานลูกค้ากลุ่มเป้าหมายใหม่ นั่นคือ Stretegy ส่วนวิธีการที่คุณจะใช้เพื่อให้ได้รายชื่อนั้นมาก็คือ การสร้าง Content ที่ดีที่สุดของคุณออกมา แล้วแชร์บน Social Media นั่นคือการทำ Campaign
แผนการตลาดดิจิตอล กับ แผนการตลาดทั่วไป ต่างกันอย่างไร?
การวางแผนการตลาดออนไลน์/วางแผนการขายของออนไลน์ หรือ แผนการตลาดดิจิตอล ต่างกับ แผนการตลาดทั่วไป ที่ช่องทางการทำการตลาด (Marketing Channels) เพราะแผนการตลาดโดยทั่วไปนั้นจะหมายถึงกลยุทธ์การทำการตลาดทั้งแบบ Offline เช่น Event หรือ Billboard เป็นต้น และแบบ Online ควบคู่ไปด้วยกัน แต่แผนการตลาดออนไลน์นั้นจะเน้นวางกลยุทธ์การทำการตลาดบนช่องทาง Online ทั้งหมด เรียกว่าทั้งคู่มีจุดประสงค์เดียวกัน แต่มีจุดโฟกัสต่างกันนั่นเอง
การวางแผนธุรกิจออนไลน์ การวางแผนการขายของออนไลน์ ขั้นตอนการตลาดออนไลน์ ทำอะไรบ้าง?
สำหรับคนที่เคยทำธุรกิจมานานแล้วอาจจะรู้กันดีกว่าการมีอยู่ของตัวอย่างแผนการตลาดนั้นมีข้อดีอย่างไร แต่สำหรับคนที่พึ่งเริ่มทำธุรกิจ หรือคนที่ไม่เคยผ่านการทำธุรกิจมาก่อนอาจจะยังมองไม่เห็นว่าการวางแผนการตลาดออนไลน์/วางแผนการขายของออนไลน์นั้นสำคัญ หรือมีข้อดีต่อธุรกิจอย่างไร คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่ควรคำนึงถึง เมื่อทำการกำหนดเป้าหมายทางการตลาด เพื่อทำการตลาดออนไลน์ให้ได้ผล
- คุณต้องการเข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ๆ หรือขยายฐานลูกค้าหรือไม่
- คุณต้องการที่จะเพิ่มรายได้หรือไม่
- คุณกำลังมองหาแนวทางการเปลี่ยนแปลงสำหรับแบรนด์ หรือต้องการจะเพิ่มการรับรู้ให้แก่แบรนด์หรือเปล่า
- คุณกำลังโปรโมทผลิตภัณฑ์ บริการ หรือโปรโมชั่นพิเศษอยู่หรือเปล่า
- คุณต้องการปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้าหรือไม่
- คุณต้องการเพิ่มอัตราการเข้าชมเว็ปไซต์หรือเปล่า
- คุณกำลังมองหาช่องทาง เพื่อเพิ่มยอดขายในปัจจุบันด้วยหรือไม่
ข้อดีของการวางแผนการตลาดออนไลน์เพื่อทำการตลาดออนไลน์ให้ได้ผล
✅ ช่วยให้ธุรกิจรู้จักตัวเองมากขึ้น
สาเหตุที่ทุกธุรกิจต้องรู้จักตัวเองก่อนก็เพราะว่า การทำธุรกิจจำเป็นที่ต้องใช้โอกาสจากข้อดีที่ตัวเองมีออกมาใช้ เพื่อดึงดูดลูกค้า และสร้างยอดขายเหนือคู่แข่งนั่นเอง
ดังนั้นการ วางแผนการตลาดออนไลน์/วางแผนการขายของออนไลน์ จะช่วยให้คุณกลับมานั่งทบทวนว่าธุรกิจที่คุณกำลังจะทำหรือทำอยู่คือธุรกิจอะไร ขายอะไร อยู่ในอุตสาหกรรมแบบไหน มีจุดแข็ง-จุดอ่อนอะไรบ้าง กลยุทธ์การขายของออนไลน์ จะเป็นยังไงต่อจากนี้
เพื่อนำสิ่งเหล่านี้มาจัดวางกลยุทธ์การสื่อสารที่ดี และสร้างโอกาสให้กับธุรกิจของคุณทำการตลาดออนไลน์ให้ได้ผล
✅ ช่วยให้ธุรกิจรู้จักลูกค้าดีกว่าเดิม
ข้อนี้ถือว่าสำคัญอย่างมาก เพราะถ้าธุรกิจไม่มีกลุ่มเป้าหมาย ไม่รู้จะขายให้ใคร การวางกลยุทธ์การขายของออนไลน์จะสะเปะสะปะ ทุกอย่างจะหลงทางไปหมด ตัวอย่างแผนการตลาดออนไลน์ จะช่วยให้คุณกลับมาพิจารณาว่าใครกันแน่คือ กลุ่มเป้าหมาย (Target Audience) ที่แท้จริงของธุรกิจ
เพื่อให้ธุรกิจสามารถออกแบบวิธีการสื่อสาร เลือกใช้ช่องทางที่เหมาะสม และวางกลยุทธ์ในการเข้าถึงคนเหล่านี้ได้ ยิ่งรู้จักพวกเขาดีเท่าไหร่ แนวทางการเลือกสื่อสารของแบรนด์จะชัดเจนยิ่งขึ้น
✅ ช่วยกระตุ้นการทำงานของทีมมากขึ้น
เพราะตัวอย่างแผนการตลาดออนไลน์คือการตั้งเป้าหมาย วางกลยุทธ์การขายของออนไลน์ วางกลยุทธ์การโปรโมทสินค้าออนไลน์ วางกลยุทธ์การขายสินค้าออนไลน์ และวัตถุประสงค์ทางการตลาดขึ้นมา การวางแผนการลงมือทำให้พิชิตเป้าหมายนี้
ดังนั้นการสร้างแผนการตลาดขึ้นมาจึงมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของทีมให้ไปในทิศทางเดียวกัน และไม่หลงทางนั่นเอง เพราะทุกคนมองเห็นเป้าหมายสุดท้ายเดียวกันว่าคืออะไร และการจะเข้าไปถึงเป้าหมายนั้นต้องลงมือสร้างผลงานอะไรออกมาบ้าง ตามหน้าที่ และความรับผิดชอบของตัวเอง
✅ ช่วยให้การทำการตัดสินใจเฉียบขาดขึ้น
ตัวอย่างแผนการตลาดออนไลน์นั้นช่วยให้เจ้าของธุรกิจ หรือทีมสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ และเฉียบขาดมากขึ้น ลดความเสี่ยงที่จะเกิดจากการตัดสินใจพลาดเพราะความลังเล
เพราะแผนการตลาดออนไลน์ตัวอย่างที่ทำไว้ได้กำหนดไว้แล้วว่าควรอะไรก่อนและหลัง ใช้ระยะเวลาในการสร้างผลงานเหล่านั้นนานแค่ไหน ซึ่งเป็นประโยชน์ที่ไม่ต้องเสียเวลาตัดสินใจนาน และสามารถลงมือทำงานได้ทันทีตาม Time Frame ที่กำหนดเอาไว้
✅ ช่วยติดตามผลลัพธ์ได้อย่างดี
ข้อดีอีกอย่างของการทำแผนการตลาดออนไลน์คือ ทุกผลงานที่ลงมือทำลงไปนั้นสามารถติดตามผลลัพธ์ได้ เพราะการวางแผนการตลาดออนไลน์ กลยุทธ์ขายของออนไลน์ กลยุทธ์ธุรกิจออนไลน์ การวางแผนการขายของออนไลน์ นั้นจำเป็นต้องกำหนดเป้าหมาย และเพื่อให้ธุรกิจรู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นได้ผล หรือไม่ได้ผลจำเป็นต้องวัดผลว่าพิชิตเป้าหมายหรือไม่ โดยวิธีการวัดผลนั้นก็ขึ้นอยู่กับเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้
6 กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ มีอะไรบ้าง
กลยุทธ์ธุรกิจออนไลน์มีเครื่องมือการตลาดออนไลน์สมัยใหม่เป็นสิ่งที่เริ่มต้นทำได้ง่ายมาก ไม่ว่าจะเป็นโฆษณา Facebook การเปิดช่อง YouTube หรือการจ้างคนทำเว็บไซต์
แต่เหนือสิ่งใด สิ่งที่ทุกคนต้องทำก่อนจะลงทุนหลายหมื่นหลายแสนไปกับ การทำการตลาดออนไลน์ให้ได้ผล ก็คือเรื่องของวางแผนการตลาดออนไลน์/วางแผนการขายของออนไลน์ ที่หากคุณทำพลาดคุณจะเสียหายมากกว่าที่คุณคิดแน่นอน
การวางแผนการตลาดออนไลน์ตัวอย่างของแต่ละคนอาจมีขั้นตอนไม่เหมือนกัน กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ กลยุทธ์ขายของออนไลน์ กลยุทธ์ธูรกิจออนไลน์ แต่ละคนอาจจะเน้นวิธีที่ถนัดแตกต่างกันออกไป
คำแนะนำสำหรับมือใหม่ที่ทำการตลาดออนไลน์ก็คือ อย่าเพิ่งรีบมองหาผลลัพธ์ระยะสั้นให้มากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการซื้อโฆษณาและการยิงแอด เพราะถึงแม้หลายคนจะสามารถทำรายได้หลักล้านจะโฆษณาได้ แต่ก็มีอีกหลายคนที่เสียหายไปมากกว่าเช่นกัน
MARKETTIUM เราคือ อันดับ1 บริษัทรับวางแผนการตลาด โดยคนรุ่นใหม่ไฟแรง รับวางแผนการตลาดออนไลน์ รับวางแผนการขายของออนไลน์ ผ่านประสบการณ์กับหลากหลายธุรกิจ ทำงานร่วมกับผู้ประกอบการร้านค้ามายาวนานหลายปี
กลยุทธ์โปรโมทสินค้าออนไลน์ กลยุทธ์การสื่อสารการตลาดออนไลน์ ที่ชัดเจนก่อนเริ่มลงมือจริง จะช่วยธูรกิจออนไลน์ของท่านได้มาก เพราะถ้าท่านวางแผนขายของออนไลน์ มาดีแล้ว การทำงานของท่านจะเร็วขึ้นและมีความชัดเจนขึ้นมาก
ทำการตลอดออนไลน์นั้นหากคุณเป็นมือใหม่ ค่อยเรียนรู้ภาพรวมไปก่อน ทำงานร่วมไปกับเรา เรามีผลงานที่มีผลลัพธ์จริงมาพัฒนาแผนการตลาดให้ท่านได้
✅ วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายของตัวเอง
ก่อนที่จะลงมือสร้างกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ กลยุทธ์การขายออนไลน์ ทำคอนเทนต์ตีตลาด สิ่งแรกที่ทุกธุรกิจต้องรู้ และเข้าใจอย่างละเอียดที่สุดคือการรู้จักแบรนด์ของตัวเอง ว่าแบรนด์ของคุณขายอะไร มีภาพรวมอย่างไร
และขั้นตอนถัดไปคือการนำความเข้าใจมาสร้างกลยุทธ์การโปรโมทสินค้าออนไลน์ กลยุทธ์การสื่อสารการตลาดออนไลน์ ในเรื่องภาพลักษณ์ของแบรนด์ และสุดท้ายถึงเริ่มทำความเข้าใจกับกลุ่มเป้าหมายนั่นเอง
เครื่องมือตัวแรกคือ Business Model Canvas หรือเครื่องมือที่ประกอบไปด้วยปัจจัย 9 อย่างที่จำเป็นต่อธุรกิจ ได้แก่
- Key Partners หรือพันธมิตรทางธุรกิจ
- Key Activities หรือกิจกรรมทางธุรกิจ
- Key Resources หรือทรัพยากรหลักที่ธุรกิจจำเป็น
- Value Propositions หรือจุดขายของธุรกิจ
- Customer Relationship หรือความสัมพันธ์กับผู้บริโภค
- Customer Segment หรือกลุ่มผู้บริโภคของธุรกิจ
- Channels หรือช่องทางการสื่อสารกับกลุ่มผู้บริโภค
- Cost Structure หรือต้นทุนทั้งหมดของธุรกิจ
- Revenue Streams หรือรายได้ของธุรกิจ
การประสบความสำเร็จของแบรนด์ก็คือ การมี Corporate Identity หรือ CI ที่ทำหน้าที่เป็นภาพจำของแบรนด์ให้กับกลุ่มเป้าหมาย เพราะสิ่งนี้คือการผสมผสานระหว่าง Branding และ Design เข้าไว้ด้วยกัน อย่างเช่น การที่เราเห็นสัญลักษณ์ หรือ โลโก้ ของแบรนด์แล้วเกิดความรู้สึกไว้ใจและเชื่อมั่นถึงคุณภาพและบริการที่เกิดขึ้น
การวิเคราะห์ลูกค้าโดยจำแนกกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ กิจการร้านค้าควรจะเก็บข้อมูลส่วนตัวและพฤติกรรมการใช้ชีวิต ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ทั้งทีมมองเห็นภาพชัดเจนว่าควรเลือกช่องทาง ภาษา และวิธีการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายอย่างไร
- ข้อมูลพื้นฐาน เช่น อายุ, อาชีพ, รายได้, ครอบครัวและการศึกษา เป็นต้น
- เป้าหมาย / ปัญหาที่พบเจอ / รูปแบบการใช้ชีวิต
- พฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้า
- ปัจจัยในการเลือกซื้อสินค้า
- ช่องทางที่ใช้งานเป็นประจำ
- แบรนด์หรือคนดังที่ชื่นชอบ เป็นต้น
✅ พิจารณาจุดแข็งและจุดอ่อนของธุรกิจ
ขั้นตอนต่อไปคือการวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนของธุรกิจของตัวเอง เพราะการที่รู้ว่าเรามีดี และขาดในเรื่องอะไรนับว่าเป็นแต้มต่อในการทำธุรกิจ นับว่าเป็นการมองหาโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจของคุณ
โดยเครื่องมือที่จะมาช่วยคุณวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อนของธุรกิจคือ SWOT Analysis หรือเครื่องมือที่ช่วยคุณมองเห็นปัจจัยต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นทั้งภายใน และภายนอกธุรกิจได้ประกอบไปด้วย
- Strength หรือจุดแข็งของธุรกิจ
- Weakness หรือจุดอ่อนของธุรกิจ
- Opportunity หรือโอกาสที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจ
- Threat หรือความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจ
✅ กำหนดเป้าหมายทางธุรกิจ
เมื่อคุณรู้จุดยืนของตัวเองแล้วว่าสร้างธุรกิจอะไร และทำออกมาเพื่อขายให้ใคร ขั้นตอนต่อไปก่อนเริ่มต้นทำแผนการตลาดออนไลน์ กลุยุทธ์การตลาดออนไลน์ ก็คือ การกำหนดเป้าหมายทางธุรกิจ เพื่อให้ทีมสามารถสร้างแผนที่สอดคล้องกับเป้าหมายได้นั่นเอง
เครื่องมือที่หลายธุรกิจมักนำมาใช้ในการกำหนดเป้าหมายคือ SMART Goal หรือเป้าหมายที่ประกอบไปด้วยปัจจัย 4 อย่างได้แก่
- Specific เป้าหมายต้องเฉพาะเจาะจง
- Measurable เป้าหมายต้องวัดผลได้
- Attainable เป้าหมายต้องอยู่บนความเป็นจริง และสามารถจับต้องได้
- Relevant เป้าหมายต้องเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่กำลังทำ
- Time Bound เป้าหมายต้องมีขอบเขตเวลาที่แน่นอน
ตัวอย่างเหล่านี้คือเป้าหมายที่มีความเฉพาะเจาะจงและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ซึ่งคุณสามารถนำไปใช้กับการทำแคมเปญการตลาดออนไลน์ได้
- ทำเว็บไซต์บริษัทให้บริษัทติดอันดับหน้าแรกกูเกิ้ลภายในระยะเวลาอย่างน้อย 3-4 เดือน จากปัจจุบัน
- เพิ่มยอดติดตามบนโซเชียลมีเดียให้ได้ 600 คนภายใน 4 สัปดาห์
- เพิ่มยอดการเข้าชมเว็ปไซต์ให้ได้ 500 ผู้เข้าชมต่อสัปดาห์ ภายในระยะเวลา 2 เดือน
- เพิ่มยอดขายให้ได้ 20% ภายใน 4 เดือน
การตั้งค่าตัวเลขและวัดผลต่อเนื่องเพื่อให้เราสามารถพัฒนาแผนการตลาดของเราเพิ่มเติมได้ หรือ KPI (Key Performance Indicators) หมายถึงดัชนีวัดผล ซึ่งเป็นตัวเลขที่เราใช้บอกว่ากิจกรรมต่างๆที่เราทำนั้นเกิดประโยชน์มากแค่ไหน
ตัวอย่างที่ตรงไปตรงมาที่สุดก็คือ หากเราลงงบโฆษณาไป 10,000 บาทเราจะได้ยอดขายและกำไรกลับมาเท่าไหร่ หรือหากเราอยากจะทำ Content Marketing 30 โพสทั้งเดือน เราจะประเมินคุณค่าของกิจกรรมเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง
ข้อดีของการตลาดออนไลน์ก็คือตัวเลขส่วนมากนั้นสามารถวัดผลได้ง่าย เช่น จำนวนคนที่มองเห็นโฆษณาหรือว่าจำนวนคนที่คลิกเข้ามา ทักเข้ามาคุยกับเรา(ทำได้ทั้งใน Facebook Google Website และ YouTube) แปลว่าหากเราดูตัวเลขนี้เป็นเราก็จะรู้ว่าโพสต์แบบไหนถึงจะทำให้เข้าถึงคนได้เยอะ เขียนข้อความแบบไหนลูกค้าถึงจะเข้ามาดู
ในกรณีตรงกันข้าม กิจกรรมที่ทำแล้วไม่เกิดประโยชน์ก็ควรที่จะถูกวัดผลเพื่อทำให้ดีขึ้นหรือว่าพิจารณาตัดทิ้งไปเลย เช่น โฆษณาที่ลงแล้วมีผลประกอบการไม่ดี กิจกรรมการตลาดบางอย่างที่เราทำมานานแล้วแต่กลับไม่เกิดผลตามที่คาดไว้
คำแนะนำเบื้องต้นก็คือ ให้ค่อยๆวัดตัวเลขที่จับต้องได้ง่ายก่อน หากเราเริ่มมาตอนแรกแล้วไม่มีคนซื้อ เราก็จำเป็นต้องวัดคนที่ทักเข้ามา หากเรายังไม่มีคนทักเข้ามาเราก็ต้องวัดจำนวนคนที่เห็นข้อความ การค่อยๆพัฒนาแต่ละกระบวนการ แก้ปัญหาทีละนิด คือหัวใจของการดำเนินแผนการตลาดแบบยั่งยืน (สนใจกด >> รับวางแผนการตลาดออนไลน์)
✅ วางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย
ขั้นตอนถัดมาก็คือลงมือวางแผนการตลาดออนไลน์/วางแผนการขายของออนไลน์ ของคุณเองได้เลย โดยตั้งเป้าหมายทางธุรกิจไว้ เป็นโจทย์ที่ต้องทำให้ได้ กลยุทธ์ออนไลน์ กลยุทธ์การสื่อสารการตลาดออนไลน์ ผลิตคอนเทนต์ออกมาให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายของคุณได้เลย
ซึ่งในแต่ละช่วงจะมีวิธีการเลือกทำคอนเทนต์ และวิธีการสื่อสารที่แตกต่างกันออกไปตามช่วงเวลา โดยแบ่งระยะตามนี้
- ช่วงตามหากลุ่มลูกค้าที่มุ่งหวัง หรือ Lead (Awareness Stage)
- ช่วง Lead กำลังลังเล หรือกำลังตัดสินใจ (Consideration Stage)
- ช่วงที่ Lead เปลี่ยนผันมาเป็นลูกค้าอย่างแท้จริง (Conversion Stage)
✅ ดำเนินการตามแผนการตลาดและประเมินผลงาน
เมื่อกลยุทธ์ต่างๆ เริ่มมีการนำไปใช้และดำเนินการ การตั้งเวลาและบันทึกผลลัพธ์รายสัปดาห์และรายเดือนจะทำให้คุณได้เห็นว่า ผลตอบรับที่เป็นเชิงบวก คุณอาจจะต้องการจะลงทุนไปกับเทคนิคนั้นๆ มากกว่าส่วนอื่นๆ
หรือในทางกลับกัน คุณอาจพบว่ากลยุทธ์บางอย่างไม่แสดงผลลัพธ์ที่เพียงพอ และคุณจำเป็นต้องทำการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เหมาะสมกว่าที่เป็นอยู่
✅ เก็บ Key Learning
หลังจากทำแคมเปญเสร็จถ้ามีการวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจออนไลน์มาตั้งแต่แรกจะสามารถสรุปผลภายได้ในหนึ่งสัปดาห์ หรือภายใน 1 เดือน ว่าสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำทุกขั้นตอนนี้จะเอาไปทำอะไรต่อได้อีก
เพราะว่าการทำการตลาดก็คือการทดลอง Marketing is test ไม่ได้แปลว่าทำวันนี้แล้วพรุ่งนี้จะมียอด ถ้าวันนี้ไม่มียอดพรุ่งนี้จะทำอย่างไรต่อ ต้องมีการทดลองทำจริง ต้องมีการลงไปเล่นในสนาม นำสิ่งที่ได้จากการเรียนรู้ไปปรับปรุงในการทำครั้งต่อไป ทดลองไปเรื่อยๆ
บริการของเราทำความรู้จักกับเครื่องมือทำกลยุทธ์ตลาดออนไลน์
กลยุทธ์ธุรกิจออนไลน์ หรือการตลาดดิจิทัล เป็นวิธีทำการตลาดในยุคสมัยใหม่ที่มีช่องทางให้คุณเลือกในการทำการตลาดในหลากหลายช่องทาง และในหลากหลายแพลทฟอร์ม สามารถเรียกรวมกันได้ว่าเป็น Omni Channel ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มนั้นก็จะมีวิธีที่เหมาะสมในการทำกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดออนไลน์ที่แตกต่างเป็นของตัวเอง โดยมีรูปแบบหลัก ๆ ดังนี้
- Search Engine Marketing – เป็นการทำการตลาดผ่านเครื่องมือค้นหาบนอินเทอร์เน็ต
- Website Marketing – การทำการตลาด บนเว็บไซต์ของคุณเอง
- Content Marketing – การใช้เนื้อหา คอนเทนต์ ประเภทต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการทำการตลาด
- Email Marketing – ทำการตลาดโดยใช้ใน การสื่อสาร ผ่านอีเมล
- Social Media Marketing – การตลาดบน Facebook, Instagram , LINE OA และโซเชียลมีเดียต่าง ๆ
- Mobile Marketing – การตลาดบน App Store และ Google Play Store
- Video Marketing – การตลาดบน YouTube, TikTok, Vimeo และแพลตฟอร์มวิดีโออื่น ๆ โดยอาจจะใช้ตัวช่วยอย่าง Influencer มีความสามารถในการช่วยเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Affiliate Marketing – การทำตลาดผ่านการโปรโมตผลิตภัณฑ์