หลายคนเข้าใจว่าการทำ SEO ทำได้กับเว็บไซต์เท่านั้น แต่คงไม่รู้ว่าบนแฟนเพจเฟสบุ๊คนั้นก็สามารถทำ Facebook SEO หรือ SEO Facebook ได้เช่นกัน บทความนี้จึงอยากแนะนำเคล็ดลับวิธีการทำ ทำเพจให้ติดอันดับ google หน้าแรก ไม่ยาก แต่ถ้าไม่อยากเหนื่อยเรา รับทำ SEO รายเดือน นะ
ในทุกๆ วันเวลาจะค้นหาสิ่งใดก็มักจะ Search หาสิ่งต่างๆ บน Google กันเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้บนโซเชียลมีเดียหลายๆ แพลตฟอร์มก็มีผู้ค้นหาของหรือสินค้าอยู่บนนั้นด้วยเหมือนกัน โดยบทความนี้เราจะพูดถึงการทำ เฟสบุ๊คเอสอีโอ เพื่อการหาเพจให้เจอง่ายขึ้นใน google และ facebook
ถึงแม้เราจะลงขายสินค้าหรือโปรโมทธุรกิจเหมือนกันแต่ถ้าไม่มีลูกค้าเห็นมันก็เท่านั้น เดียวบทความนี้เราจะมาพาทำให้ธุรกิจหรือเพจขายของบน Facebook ให้หาเจอได้ง่ายขึ้นด้วยการทำ Facebook SEO กัน (เรามีบริการ รับสอน SEO ด้วยนะ)
Facebook SEO คืออะไร?
Facebook SEO คือ การปรับแต่งหน้า Facebook Fanpage เพื่อทำให้หน้า Fanpage ของคุณ ติดอันดับการค้นหาบน Google Search สาเหตุที่คุณสามารถทำ Facebook SEO ได้ ก็เนื่องมาจากความจริงที่ว่า “Facebook เองก็มีสถานะเป็นเว็บไซต์เช่นเดียวกัน”
และหากคุณเคยสังเกต บ่อยครั้งที่เราค้นหาข้อมูลด้วย Keyword ต่าง ๆ หน้าเว็บไซต์ที่ขึ้นอันดับแรก ๆ บน Google Search กลับไม่ใช่เว็บไซต์ทั่วไป แต่เป็นชื่อ Facebook Fanpage ซึ่งนั่นเป็นหลักฐานว่า Google สามารถเก็บข้อมูลคำสำคัญต่าง ๆ จากหน้า Facebook ได้จริงๆ (สนใจ >> บริการรับทำเว็บไซต์ รับออกแบบเว็บไซต์)
ซึ่งหากพยายามมอง Facebook Page ให้เหมือนกับ Website จะพบว่ามันมีองค์ประกอบสำคัญๆที่คล้ายกัน
ประเด็นแรก คือ การปรับแต่ง Onpage SEO ทำให้เว็บไซต์ที่มีคุณภาพได้ การปรับแต่ง Onpage ให้กับเฟสบุ๊คก็ต้องทำให้เกิดคุณภาพได้เช่นกัน
1. Title หรือ ชื่อเพจ – เทียบได้กับ Title ที่เราเขียนใส่ในหน้าเว็บไซต์
2. Main Menu – เทียบได้กับเมนูบนเว็บไซต์ แต่บนเฟสเพจจะประกอบไปด้วย
• Timeline (ไทม์ไลน์) – เทียบได้กับ เมนู HOME (หน้าแรก) ในเว็บไซต์
• About (เกี่ยวกับ) – เทียบได้กับ เมนู About ในเว็บไซต์
• Photos (รูปภาพ) – เทียบได้กับ เมนู Gallery ในเว็บไซต์
• Likes (ไลค์) – อาจเทียบได้กับตัวนับสถิติ ของเว็บไซต์
• More (เพิ่มเติม) – ในที่นี้อาจจะเห็น Notes, Videos, App ก็นับว่าเป็นเมนูบนเว็บไซต์
3. Main Content – เทียบได้ เนื้อหา หลักในเว็บไซต์
4. Sidebar – เทียบได้กับ Sidebar ในเว็บไซต์ ซึ่งถือเป็น Supplementary Content ในที่นี้ มี
• Likes
• About
• Photos
• Videos
• Notes
• Visitor Posts
• Reviews
• App อื่นๆ
สำหรับ Facebook Page ก็มีหลักการเช่นเดียวกัน (แต่อาจมีบางส่วนที่แตกต่างไปบ้าง) ซึ่งประเด็นสำคัญในการทำ Onpage ก็คือ การตั้งชื่อเพจ เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดอันดับ 1 ซึ่งจะช่วยทำให้ Google ได้เข้าใจว่า เพจที่เราทำอยู่นั้นเกี่ยวกับอะไร ฉะนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องแทรก Keyword เข้าไปในชื่อเพจด้วย และที่สำคัญอีกอย่างคือ นอกเหนือจากจะมีผลต่อ Google แล้ว ยังมีผลต่อ Search บนตัว Facebook เองอีกด้วย ซึ่ง Title หรือชื่อเพจที่ดีควรจะมีทั้ง Keyword และ ชื่อแบรนด์ด้วยเพื่อให้รองรับ SEO
กระบวนการที่จะทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับได้นั้นก็จะมีในเรื่องของการปรับ On Page SEO , Off Page SEO, ความเร็วเว็บ, การเขียนบทความ , Website traffic ของผู้ชม และอื่นๆ อีกมากมาย
การทำให้เว็บหรือช่องทางของเราติดอันดับในหน้าแรก มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะช่วยเพิ่มโอกาสในการมองเห็น และเพิ่ม Traffic ดึงเข้าช่องทางนั้นๆ ของเราได้เป็นอย่างดี นอกจากจะได้เพิ่มคนเข้าเว็บไปแล้ว ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการนำเสนอสินค้าหรือบริการของเราได้อีกด้วย
คุณจะหา คีย์เวิร์ด Facebook SEO ได้อย่างไร?
คุณสามารถหา Keyword สำหรับทำ SEO Facebook ได้จากการทดลอง Search Google ด้วยคำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจมากที่สุดคำใดคำหนึ่ง แล้วเก็บข้อมูลจาก Related Search หรืออาจใช้โปรแกรมสำหรับค้นหา Keyword โดยเฉพาะ เช่น Google Keyword Planner, KW Finder, Ubersuggest หรืออื่น ๆ (อ่านเพิ่มเติม SEO Keyword)
Facebook SEO Tools สำหรับ หาคีย์เวิร์ด facebook
- Google Keyword Planner
- Keywords Everywhere
- Keyword Surfer
- Soovle.com
- Google Search Console
- Google Trends
- KeywordTool.io
- AppTweak Keyword Suggest Tool
- Answer The Public
- Keyworddit
ที่มา: https://surfsideppc.com/free-keyword-research-tools/
การทำ SEO เพจ Facebook ให้ติดหน้าแรก google
1. วิเคราะห์คีย์เวิร์ด หรือเลือกคำที่เราอยากทำ SEO
การเลือกคีย์เวิร์ดที่ดีทำให้เราถูกค้นหาได้ง่ายขึ้น ข้อควรระวังคืออย่าไปใช้คีย์เวิร์ดกว้างๆ เพราะว่ามันอาจจะสู้กับหน้าเว็บไซต์ทั่วไปได้ลำบาก ซึ่งหน้าเว็บไซต์ที่เขาสามารถทำตามเงื่อนไขของ google ได้ครบจะถูกคัดเลือกให้มาอยู่บนสุดก่อนอยู่แล้ว (facebook ปรับแต่งอะไรไม่ได้) (สนใจ >> บริการรับทำเว็บไซต์ E-Commerce)
เอาง่าย ๆ แค่ปรับความเร็วหน้าเว็บก็สู้ไม่ได้แล้ว ฉะนั้นเราจึงควรใช้คีย์เวิร์ดที่ค่อนข้างเฉพาะ ชัดเจนต่อธุรกิจและมีความยาวนิดนึง อาจเป็นคีย์เวิร์ดแบบยาว long-tail keyword
2. เปลี่ยนชื่อแฟนเพจของเราทั้งชื่อหลักและ URL
ตรงนี้แหละที่สำคัญการที่เราตั้งชื่อนี้ให้ตรงกับคีย์เวิร์ดเพราะมันคือ H1 นั่นเองที่ทำให้ระบบ Search Engine ค้นหาเราเจอครับ ของแฟนเพจรู้สึกว่าจะตั้งได้ยาว 50 คำเลย
หลายคนอาจไม่ได้ให้ความสำคัญกับการตั้งชื่อ URL และยอมใช้ URL เพจที่ระบบ Generate ให้เป็นรหัสธรรมดา ๆ อย่างไรก็ดี หากต่อจากนี้คุณต้องการโฟกัสการทำ Facebook SEO มากขึ้น แนะนำให้เข้าไปเปลี่ยน URL ใหม่ โดยเปลี่ยนเป็นชื่อสั้น ๆ อ่านง่าย และมี Keyword ที่คุณคิดว่าผู้คนจะค้นหาอยู่ในนั้นด้วย
การตั้งชื่อ Facebook Fanpage ก็สำคัญไม่แพ้ URL ที่สำคัญชื่อแฟนเพจยังมีค่าเท่ากับตำแหน่ง Heading Tag 1 ในเว็บไซต์อีกด้วย คุณจึงควรตั้งชื่อแฟนเพจใหม่ โดยแฝง Keyword สำคัญที่คิดว่าคนจะค้นหาลงไป พร้อม ๆ กับชื่อธุรกิจที่สั้น กระชับ และจดจำง่าย (อ่านเพิ่มเติม Twitter SEO)
3. ใส่ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ (About) ให้ครบถ้วน
ใส่ข้อมูลให้ครบทุกอย่างทั้ง สถานที่ หมวดหมู่ เบอร์โทรของธุรกิจ รวมถึงเว็บไซต์ที่ผ่านการตรวจสอบและลงทะเบียนบน Google แล้ว
ส่วนใครที่มี Business Profile Facebook ให้ไปลงทะเบียนโดเมนในหน้า Business information ด้วยจะช่วยให้ Facebook รู้จักหน้าเว็บของเรา
ก่อนหน้านี้คุณอาจเขียนข้อมูลส่วน “About” หรือ “เกี่ยวกับ” สั้น ๆ เพียงบรรทัดเดียว แต่หากคุณต้องการทำ Facebook SEO ให้บรรลุผล แนะนำให้ Edit ข้อมูลส่วนนี้ใหม่ ให้ครอบคลุมทุกคำถามที่คนจะสงสัยเกี่ยวกับธุรกิจคุณ โดยอาจตั้งโครงสร้างคำถามแบบ 5W 1H ดังนี้
What : เป็นธุรกิจเกี่ยวกับอะไร?
When : ก่อตั้งเมื่อไหร่?
Where : สำนักงานใหญ่ หรือ สาขาย่อยต่าง ๆ อยู่ที่ไหนบ้าง?
Why : แรงบันดาลใจในการสร้างธุรกิจคืออะไร?
Who : ผู้ก่อตั้งคือใคร?
How : สั่งซื้อสินค้า หรือจองคิวเข้ารับบริการ ผ่านช่องทางไหนได้บ้าง?
ทั้งนี้ การใช้โครงสร้าง 5W1H จะช่วยกำกับทิศทางการเขียน และช่วยคุณวางแผนว่าจะใส่ Keyword ที่สำคัญลงไปตรงไหนบ้าง
4. แก้ไขคำอธิบายภาพ (Alt Text)
Alt text คืออะไร หลายคนอาจไม่เข้าใจว่าชื่อไฟล์รูปก็มี จะมีชื่ออื่นอีกทำไม อันที่จริงมันต่างกันเพราะ Alt text หรือ Alternative text มีไว้สำหรับอธิบายรูปภาพ โดยปกติเราจะไม่เห็นเวลาใช้งานบนเว็บไซต์ เพราะมันอยู่ข้างหลังบ้าน จุดประสงค์คือมีไว้เพื่อให้ Google bot เข้าใจว่ารูปนี้คือรูปอะไร
Alt text เป็นหนึ่งในปัจจัยการให้คะแนน SEO ที่ช่วยให้เพจมีคะแนนดีขึ้น และต้องใส่คำอธิบายให้ชัดเจน เช่น รูปคนถือมือ เล่นสมาร์ทโฟน จะไปบอกว่าเป็นถือปืนอยู่แบบนี้ก็ไม่ได้ ทำให้โดนตัดแต้ม จาก AI ได้ (อ่านเพิ่มเติม Youtube SEO)
5. อย่าลืมใส่ Contact Information ให้ครบถ้วน
ข้อมูลพื้นฐานต่าง ๆ ได้แก่ เบอร์โทรศัพท์ เวลาทำการ เว็บไซต์ อีเมล และพิกัด ก็สำคัญกับการทำ Facebook SEO เช่นเดียวกัน ควรใส่ให้ครบถ้วน เพราะข้อมูลเหล่านี้จะมีประโยชน์กับการทำ Local SEO หรือการทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาเฉพาะพื้นที่ เพื่อจำกัดวงคู่แข่งให้เหลือเพียงธุรกิจที่ตั้งอยู่ใน Location ใกล้เคียงกัน
6. ทำ Backlink จากช่องทางอื่นมายังหน้า Facebook Fanpage บ้าง
การทำ SEO Facebook เอง ก็จำเป็นต้องทำ Backlink ควบคู่กันไป เช่นเดียวกับการทำ SEO แบบปกติ หากธุรกิจของคุณมี Official Website แนะนำให้เพิ่ม Backlink บนหน้า Blog เพื่อลิงก์มายังหน้าแฟนเพจบ้าง แต่หากคุณไม่มีเว็บไซต์ อาจใช้การเขียนบทความเกี่ยวกับธุรกิจของคุณบน Free Webboard แล้วทำ Backlink มาที่หน้าแฟนเพจแทน
วิธีการใส่ Alt Text เฉพาะ Facebook
- เข้าไปที่ Facebook Fanpage ของเรา
- ไปที่แถบรูปภาพคลิก 1 ครั้ง
- กดเมนู Edit ขวาบนที่เป็นจุด 3 จุด
- เลือก Edit alt text
- ใส่คำอธิบายภาพเป็นภาษาอังกฤษให้ชัดเจน และไม่ยาวเกินไป เป็นอันเรียบร้อย
อ่านเพิ่มเติม Tiktok SEO
7. เขียนบทความลงบนแฟนเพจของเรา
- การปรับโพสต์ใน Facebook เพื่อทำ SEO ก็จะมี Guide หลักๆ ดังนี้
- Title คือการจั่วหัวเรื่อง โดยในนั้นต้องมีคีย์เวิร์ดอยู่ด้วย
- เกริ่นนำ คือ การเปิดหัวเรื่องนั้นๆ แบบคร่าวๆ ก่อน
- เนื้อหา คือ เนื้อหาหลักของโพสต์นี้ว่าคืออะไร
- ปิดท้ายหรือสรุป คือ เป็นการสรุปทิ้งท้ายของโพสต์นี้ว่าคืออะไร
การวางโครงเนื้อหาโพสต์แบบนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้เป็นโพสต์ยาวๆ ก็ได้ โพสต์แบบสั้นก็สามารถทำได้เช่นกัน เพราะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย และจัดเรียงเนื้อหาให้อธิบายได้อย่างเป็นลำดับดีเหมือนกัน (สนใจ >> บริการรับทำเว็บไซต์ WordPress)
อย่าเขียนวกวนไปมา จน Google bot จับได้ว่า บทความนั้นมันไม่มีอะไร มีแต่น้ำ ไม่เกี่ยวข้องกับหัวข้อเลย อันนี้ไม่ติด SEO แน่นอน สุดท้ายอย่าลืมใส่ internal link ของบทความอื่นๆในเฟสบุ๊คที่เกี่ยวข้องโดยเป็นโพสท์ที่เกี่ยวข้องบนแฟนเพจ รวมถึง external link ไปยังบทความในเว็บไซต์ของเราเพื่อเพิ่มความเชื่อมโยงกัน และยังถือว่าเป็นการทำ backlinks ของเว็บไซต์เราด้วย
เคล็ดลับทำเพจให้ติดอันดับ google
การทำให้แฟนเพจของเรานั้นมาติดอันดับบน Google นั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย Google จะให้พื้นที่การติดอันดับที่เป็น Facebook ได้แค่เพียง 3 อันดับต่อการติดหน้าแรก 1 หน้าเท่านั้นเอง หลักการทำ SEO บน Facebook Fanpage มีขั้นตอนดังนี้
- เขียน about สัก 2-3 บรรทัดให้มี Keyword
- ชื่อเพจต้องมี keyword ชื่อเพจ = SEO title ข้อมูลที่ about = meta description
- สร้างโพสปักหมุดเป็น gallery ทำให้เหมือน catalog สินค้า ดึงความสนใจให้ user เลือกดูไปเรื่อยๆ
- เอาโพสปักหมุดไปลงโฆษณา Facebook
- มีบางบทความเป็นเว็บ ให้ทำ link มาโพสอันนี้
ลองไปปรับใช้กันดูนะไม่แน่เพจของเรานั้นอาจถูก Google เลือกมาติดอันดับก็ได้ แต่การทำ SEO ให้ได้ผลดีที่สุด และยั่งยืนที่สุดนั้นก็ยังคงยืนยันว่า ต้องทำบนเว็บไซต์นั้นเอง (อ่านเพิ่มเติม Instagram SEO คืออะไร)
วิธีดันเพจให้ติดอันดับในช่องค้นหาของ Facebook
1. การตั้งชื่อเพจ (Page name)
การแก้ไขชื่อเพจ ให้ไปที่ หน้าเพจ ▶︎ เกี่ยวกับ ▶︎ กด ‘แก้ไข’ ที่ชื่อ
ชื่อเพจเป็นด่านแรกที่ทำให้ลูกค้าค้นหาร้านเราเจอ ยิ่งถ้าลูกค้าเสิร์ช (Search) แล้วเจอเราง่ายเท่าไร ยิ่งทำให้เรามีลูกค้าเข้าร้านเยอะเท่านั้น เทคนิคง่ายในการตั้งชื่อเพจ
- ชื่อร้านต้องอ่านง่าย
- ลูกค้าต้องรู้ว่าขายอะไร
- คำแรกของชื่อเพจสำคัญที่สุด
- อย่าตั้งชื่อยาวมากเกินไป
ในส่วนนี้ให้ใส่สินค้าที่คุณขายเข้าไปด้วย เอาให้เป็นคำ (Keyword) ที่คิดว่าลูกค้าจะใช้ค้นหาสินค้าของคุณ เช่น จากเดิมใช้ว่า “Markettium’s Shop” ก็อาจจะเพิ่มเป็น “Markettium’s Shop สินค้าแฟชั่น เสื้อผ้า เดรส” เพื่อให้เพจร้านของเราโชว์เวลาที่มีคนค้นหาด้วยคำแบบนี้
Tips ในการตั้งชื่อเพจ
- คุณต้องรู้คีย์เวิร์ด (Keyword) ที่ลูกค้าค้นหา เช่น ชื่อสินค้า เสื้อผ้าเกาหลี ชุดนอนผู้หญิง เป็นต้น เพื่อให้ลูกค้าค้นหาเราเจอง่ายขึ้น
- ยิ่งมีคีย์เวิร์ดที่ลูกค้าชอบใช้ค้นหาอยู่ในชื่อเพจ ยิ่งเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าค้นหาเพจเจอได้ง่ายยิ่งขึ้น
2. ตั้ง URL Facebook Page (Username)
URL หรือ username บน Facebook จะแสดงในรูปแบบ “www.facebook.com/username” ตรง username หลัง / นี่ล่ะคือที่เราต้องคิดให้ดีว่าจะตั้งอย่างไรให้คนค้นหาเจอและติดอันดับทั้งบน Facebook และ Google ซึ่งเทคนิคการตั้งง่าย ๆ มีอย่างเดียวเลยคือ สั้น กระชับ เป็นคำที่คนใช้เสิร์ช หรือจะใช้ชื่อแบรนด์ก็ได้
3. ระบุข้อมูลใน About (เกี่ยวกับ) และข้อมูลสินค้า
หลังจากแก้ชื่อเพจแล้ว เลื่อนลงมาจะเจอส่วนของ ‘ข้อมูลเพิ่มเติม’ ให้แก้ไข ‘เกี่ยวกับ’ และ ‘สินค้า’
การใส่ข้อมูลใน About (เกี่ยวกับ) ในข้อมูลเพจสำคัญมากเช่นกัน ควรใส่รายละเอียดที่ตรงกับที่คำที่ลูกค้าจะพิมพ์ค้นหาให้มากที่สุด ซึ่งอันนี้ไม่ง่ายเลยเพราะข้อมูลในส่วนนี้จำกัดตัวอักษรให้เพียงแค่ 150 ตัวอักษรเท่านั้น ตรงส่วนนี้ก็ให้ใส่รายละเอียดเกี่ยวกับร้านค้าของคุณจะเป็นไอดี LINE LINE@ สำหรับติดต่อก็ได้
จากนั้นก็เขียนอธิบายเกี่ยวกับสินค้าที่คุณขาย โดยพยายามใช้คำที่คิดว่าลูกค้าน่าจะใช้ค้นหาสินค้า เช่น “สินค้าแฟชั่น” หรือ “เสื้อผ้า” และคำว่า “ราคาถูก” และถ้าอยากให้ลูกค้าค้นหาเราเจอง่ายยิ่งขึ้น แนะนำให้ใส่รายละเอียดในส่วนของสินค้าด้วยจะยิ่งมีผลต่อการค้นหาด้วย
4. ใส่เว็บไซต์ (Website)
การใส่ข้อมูลตรงนี้ก็จะทำให้เพจของคุณสมบูรณ์ขึ้น มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
5. ระบุ ที่อยู่ และเบอร์ติดต่อ
เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดต่อร้านเราได้ หรือมั่นใจว่าเราเป็นร้านที่น่าเชื่อถือ ที่สำคัญหากใส่ที่อยู่จะช่วยในเรื่องเมื่อลูกค้าทำการค้นหาข้อมูลในพื้นที่ใกล้เคียง หากลูกค้าอยู่ใกล้เคียงเรา จะทำให้ลูกค้าเชื่อถือ และมั่นใจในร้านเรามากยิ่งขึ้น
6. ใส่ คีย์เวิร์ด (Keyword) และโพสต์สม่ำเสมอ
ทุกครั้งที่คุณพ่อค้าแม่ค้าโพสต์ของอย่าลืมใส่คำที่คนจะค้นหา (เช่น ชื่อชนิดของสินค้า) และติด #แท็กชื่อสินค้าหรือคำที่คิดว่าคนจะค้นหาด้วยนะ วิธีนี้จะช่วยให้เฟสบุ๊คตรวจจับเพจของคุณได้ง่ายขึ้น ทำให้คนหาเพจของคุณเจอง่ายขึ้นด้วย
นอกจากการใส่คีย์เวิร์ด (Keyword) เข้าไปในส่วนต่างๆ ของเพจแล้วอีกส่วนที่สำคัญนั่นก็คือการโพสต์ที่จะช่วยให้คุณเจ้าของเพจ โปรโมทเพจแบบไม่เสียเงิน สิ่งสำคัญนั้นมีอะไรบ้าง มาดูกัน
โพสต์บ่อยๆและสม่ำเสมอ
พยายามหาเรื่องมาโพสต์ทุกวันให้สม่ำเสมอ ซึ่งสิ่งที่โพสต์บางครั้งอาจไม่ใช่รูปสินค้าก็ได้ อาจเป็นการแชร์ลิงก์ไปบทความที่มีเนื้อหาดีๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ของคุณ หรือรูปภาพที่คนเห็นแล้วจะรู้สึกดีอยากแชร์ต่อ ซึ่งการโพสต์บ่อยๆ จะทำให้เฟสบุ๊ครู้ว่าเพจของคุณยังมีความเคลื่อนไหว ไม่ใช่เพจที่เปิดมาแล้วก็ทิ้งไว้ว่างๆ ไม่มีการอัปเดต นี่ก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยดันเพจของคุณให้อยู่อันดับสูงๆ ในการค้นหาด้วยเหมือนกัน
ติดแฮชแท็ก (Hashtag)
เวลาโพสต์ให้เราติดแฮชแท็ก (Hashtag) หรือ # และตามด้วยคีย์เวิร์ด หรือชื่อเพจเราเสมอ เพื่อให้เฟสบุ๊คจับคีย์เวิร์ดในโพสต์ของเรา เช่น #ร้านเสื้อผ้าราคาถูก #Thelittlethings #อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน แบบนี้เป็นต้น
ทำให้คนไลค์โพสต์และเพจ
ในโพสต์ของเราควรมีประโยค Call to Action หรือประโยคเรียกลูกค้าเสมอ เช่น “สนใจสอบถามแม่ค้าได้ทางอินบ็อกซ์เลยจ้า” หรือ “สินค้าลงใหม่ทุกวันพุธ อย่าลืมกด Like Page เพื่ออัปเดตสินค้าล็อตใหม่นะ” เป็นต้น เมื่อเพจของเรามีคนกดไลค์เยอะ ไม่ว่าจะด้วยการกดไลค์เพจหรือกดไลค์โพสต์ เฟสบุ๊คก็จะคิดว่าเพจของเราเป็นเพจที่มีคนให้ความสนใจ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสให้คนค้นหาเจอเป็นเพจแรกๆ
สนใจอ่านเพิ่มเติม วิธีการทำ seo เว็บไซต์ ให้ติดหน้าแรก google
สรุป
และทั้งหมดนี้ก็เป็นขั้นพื้นฐานของวิธีทำ Facebook SEO สำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นทำการตลาดหรือโปรโมทแบรนด์บนแพลตฟอร์มนี้ ถ้าหากถามว่าการแข่งขันสูงหรือไม่ ก็ต้องตอบตามตรงว่าค่อนข้างสูงไม่แพ้การทำ SEO สำหรับเว็บไซต์เลย เพราะปัจจุบัน การตลาดดิจิทัลได้รับความนิยมมากขึ้น ใคร ๆ ก็หันมาใช้โซเชียลมีเดียในการสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ทำให้ธุรกิจแต่ละอุตสาหกรรมล้วนมีคู่แข่งเยอะกว่าเดิม และต่างคนต่างก็เร่งทำ SEO เพื่อช่วงชิงอันดับต้น ๆ บนหน้าแรกของ Google ให้ได้
แต่หัวใจสำคัญของการทำการตลาดที่จะลืมไปไม่ได้เลยก็คือ “ความสม่ำเสมอ” โดยเราควรหาคอนเทนต์มาโพสต์บ่อย ๆ อาจไม่จำเป็นต้องเป็นรูปสินค้าเสมอไป แค่เป็นคอนเทนต์ที่กระตุ้นให้แฟนเพจเข้ามามีส่วนร่วม (Engagement) เห็นแล้วรู้สึกอยากกดไลก์ กดแชร์ หรือคอมเมนต์ก็ได้ วิธีนี้ นอกจากจะช่วยให้คอนเทนต์ของเรามีโอกาสเป็นไวรัลแล้ว ยังทำให้คนที่เลื่อนฟีดผ่านไปผ่านมารู้ว่าเพจของเรายังมีความเคลื่อนไหว ไม่ใช่เปิดทิ้งไว้เฉย ๆ แล้วไม่มีการอัปเดต หากเป็นเช่นนั้น คนที่พบเห็นอาจรู้สึกไม่อยากซื้อสินค้าหรือใช้บริการได้ แล้วยังมีโอกาสทำให้อันดับ SEO ตกอีกด้วย