การทำ Search Engine Optimization หรือ SEO ให้ประสบความสำเร็จจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์หลายๆ ปัจจัยเข้ามาร่วมด้วยซึ่งคนทำเว็บไซต์ต้องคอยพัฒนาให้มีความเหมาะสมกับผู้ใช้งานอยู่ตลอดเวลา หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญคือการทำ Off-page SEO หรือ Off-site SEO
วิธีที่ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับ search engine มีความน่าเชื่อถือ และเป็นที่ยอมรับ ต้องใช้การทำ Off page SEO โดยมีวิธีการทำหลายขั้นตอน แต่หากต้องการให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับก็จำเป็นต้องทำตามวิธีการเหล่านี้ สำหรับใครที่ยังมีความสงสัยว่า Off page SEO คืออะไร มีความสำคัญต่อ SEO อย่างไร วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักเพื่อไม่ให้พลาดในการทำเว็บไซต์ให้ประสบความสำเร็จกัน (เรามีบริการ รับสอน SEO ด้วยนะ)
Off-Page SEO คือ
Off-Page SEO (หรือที่หลายคนคุ้นกันในชื่อ Off-site SEO) เป็นการใช้กลยุทธ์การทำ SEO โดยอาศัยปัจจัยภายนอกเพื่อช่วยเสริมพลังให้กับเว็บไซต์ของเรา นับเป็นตัวช่วยที่สำคัญที่ทำให้อันดับของเว็บไซต์อยู่ในลำดับที่ดีขึ้นเรียกว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ขาดไม่ได้
วิธีการที่นิยมคือการทำ Backlinks หรือลิงก์จากเว็บไซต์อื่น เปรียบเสมือนการเชื่อมโยงเว็บไซต์อื่นให้เข้ามาที่เว็บไซต์ของเรา โดย Off-page เป็นได้ทั้งลิงก์ที่เราสร้างเองหรือมีคนสร้างให้เรา การเชื่อมโยงเหล่านี้เองจะทำให้เว็บไซต์ของเราเป็นที่รู้จักและมีผู้เข้าชมจำนวนมากขึ้นแถมยังทำให้เกิดความน่าเชื่อถือได้อีกด้วย ซึ่งปัจจัยภายนอกแบ่งได้เป็น
- Link Popularity : ปริมาณ Backlink ที่เชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ หากเรามี Link Popularity มากกว่าเว็บไซต์อื่น นั้นเท่ากับว่าเว็บไซต์ของเรามีการค้นหาเจอได้ง่ายบน search engine หรือผ่านทางเว็บไซต์ต่างๆ ที่มีการอ้างอิงลิงก์มายังเว็บไซต์ของเรา
- Site Theme : คุณภาพเนื้อหา และ Backlink ที่เชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ เป็นส่วนที่สำคัญในการจัดการเว็บไซต์ไม่ว่าจะเป็นการแสดงผล เนื้อหาต่างๆ เพื่อทำให้ผู้เข้าชมเกิดความเข้าใจว่าเว็บไซต์ของเราต้องการสื่อสารเกี่ยวกับอะไร
ไม่อยากเหนื่อยทำ seo เอง ปรึกษาเราได้ เรา MARKETTIUM บริษัทรับทำ seo
Off-Page SEO สำคัญแค่ไหนกับการทำ SEO ไม่ทำได้ไหม?
การทำ Off page SEO (Off-site) แม้ว่าจะมีการถกเถียงว่า มีความสำคัญน้อยลงหรือเปล่า เพราะ Google ฉลาดขึ้นทุกวันและสามารถเข้าใจเนื้อหาบนเว็บไซต์เพื่อคัดเลือกมานำเสนอผู้เสิร์ชได้ตรงกับความต้องการมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามปัจจัยการทำ Off-site SEO ยังเป็นองค์ประกอบหลักในการทำ SEO และ Google ใช้เป็นปัจจัยในการจัดอันดับเว็บไซต์อยู่ (สนใจ >> บริการรับทำเว็บไซต์ รับออกแบบเว็บไซต์)
การทำ Off-site SEO คือ การบอก Search Engine อย่าง google ว่า เว็บไซต์ของเรามีความน่าเชื่อถือ (Authority) คนให้ความนิยม และยังสำคัญต่อเว็บไซต์อื่นๆ ที่อ้างอิงลิงก์มาหา (การให้ Backlink) และยิ่งเว็บไซต์ไหนมี Authority สูง (ลองเช็ก Domain Authority ของเว็บไซต์ได้ที่นี่) ก็มีโอกาสที่ Google จะจัดอันดับเว็บไซต์ให้ดีขึ้น
หากยกตัวอย่าง ถ้ามีเว็บไซต์ขายของหรือเว็บไซต์บริษัทสองเว็บไซต์ ที่จับกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน และทำ Keyword Research (หนึ่งองค์ประกอบในการทำ On page SEO ที่สำคัญ) ได้คำหลักในการมาออกแบบเนื้อหาบนเว็บไซต์เหมือนๆ กัน และเก็บปัจจัยการทำ On page SEO ได้ครบเท่าเทียมกัน
ปัจจัยที่ Google จะดูต่อมาจึงเป็นปัจจัยเรื่อง Off-page ดูว่า เว็บไซต์ไหนมีความนิยมมากกว่ากันและมีความสำคัญ (ในฐานะที่ถูกอ้างอิงบ่อยหรือมีการถูกพูดถึง) ก็จะถูกจัดอันดับให้เหนือกว่า
ความสำคัญของการทำ Off-Site SEO ต่อเว็บไซต์
1. การทำ Off-site SEO ช่วยเพิ่ม Domain Authority
การทำ Off-site SEO ช่วยเพิ่ม Domain Authority ให้กับเว็บไซต์ได้ โดยมาจากปัจจัยการทำ Link Building หรือการที่มีลิงก์อ้างอิง (Backlinks) มายังเว็บไซต์หลายลิงก์ ทำให้ Google เห็นว่า เว็บไซต์ของเรามีความสำคัญกับเว็บไซต์อื่นๆ เป็นแหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ
2. Off-site SEO ช่วยเพิ่ม Traffic ได้เช่นกัน
การทำ Off-site SEO หลายปัจจัย เช่น การทำ Link building การทำ Branding การทำที่มีลิงก์ของเว็บไซต์ไปแปะในแพลตฟอร์มต่างๆ ช่วยให้เว็บไซต์ได้ Traffic (อ่านบทความ website traffic คืออะไร) หรือการเยี่ยมชมเว็บไซต์นอกหน้าเสิร์ช (SERPs: Search Engine Result Pages)
3. Off-site SEO ช่วยให้การทำ SEO โดยรวมง่ายขึ้น
เมื่อ Domain Authority สูงขึ้น เว็บไซต์จะมีความน่าเชื่อถือ ช่วยให้ Google จัดอันดับหน้าเพจใหม่ๆ ของเว็บไซต์ขึ้นได้รวดเร็วขึ้น ทำให้หน้าเพจใหม่ๆ ได้รับ Traffic ขึ้นไว Authority ของหน้าเพจใหม่ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
ข้อควรระวังการทำ Off-site SEO
หลายคนอาจจะคิดว่า การทำ Off-Site SEO หรือ การทำ Backlink จะไม่มีข้อเสียใช่ไหม แต่บอกได้เลยว่าคิดผิดอย่างแน่นอน
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในการทำ Off-Site SEO ก็คือ การไปโปรโมท หรือไปทำ Backlink ในหมวดหมู่เว็บไซต์ ที่ไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำให้ Google ไม่ไว้วางใจเราได้ ซึ่งอาจจะทำให้อันดับที่ดีอยู่แล้ว หายไปจากอันดับ บนหน้า Search Results Page
แต่ท้ายที่สุดแล้วการที่จะทำ Off Site SEO ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ก็ยังเป็นเรื่องของเว็บไซต์และเนื้อหาคอนเทนต์ภายใน ซึ่ง Google ก็มีเกณฑ์อีกเป็นร้อยๆข้อที่จะวัดผลประสิทธิภาพในเรื่องเหล่านี้ (อ่านเพิ่มเติม Twitter SEO)
ความแตกต่างระหว่าง ON-PAGE SEO และ OFF-PAGE SEO
On-Page SEO คือ การปรับแต่งเว็บไซต์โดยอาศัยปัจจัยภายใน หรือกล่าวง่าย ๆ ว่าเป็นการปรับปรุงพัฒนาเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ของตนเอง โดยมีองค์ประกอบดังนี้
- Title (หัวเรื่อง) เป็นข้อมูลลำดับแรก ๆ ที่ Google จะเข้ามาเก็บในเว็บไซต์เรา โดยเราควรใส่หัวเรื่องไว้ใน Heading Tag (H1, H2, H3, …) เรียงตามความสำคัญของหัวข้อใหญ่และหัวข้อย่อย และที่สำคัญ ในแต่ละหัวข้อควรมีคีย์เวิร์ดด้วย
- Content (เนื้อหาภายในเว็บไซต์) เป็นอีกส่วนที่จะช่วยดันให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับ Search Engine ซึ่งหากเรามีเนื้อหาที่ดี มีประโยชน์แก่ผู้อ่าน และใส่คีย์เวิร์ดไว้อย่างเหมาะสม ก็จะทำให้อันดับเว็บไซต์ของเราดีขึ้นได้
- การใช้รูปแบบการสื่อสารเพื่อดึงดูดความสนใจ เช่น การเพิ่มรูปภาพลงไปในบทความหรือหน้าเว็บไซต์ จะช่วยทำให้ผู้เข้าชมรู้สึกว่าเนื้อหามีความน่าสนใจ และอยู่บนเว็บไซต์ของเรานานกว่าเดิม
ส่วน Off-Page SEO คือการทำ Backlink เสียส่วนใหญ่ ซึ่งแตกต่างจาก On-Page SEO มาก ๆ เนื่องจากต้องทำจากนอกเว็บไซต์ ไม่ใช่การปรับแต่งภายในเว็บไซต์ ซึ่งองค์ประกอบหลัก ๆ ในการทำลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ของเรา ประกอบไปด้วย
- Domain คือ ชื่อที่เอาไว้ใช้อ้างอิงไปยังหน้าเว็บไซต์อื่น ๆ ที่อยู่บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
- Anchor Text คือ ตัวอักษรที่สามารถกดเข้าไปที่ Backlinks เพื่อลิงก์ไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ ได้
- Google My Business คือ เครื่องมือที่ช่วยจัดการให้ธุรกิจของเราไปปรากฏอยู่ในหน้าเว็บฯ ต่าง ๆ ของ Google เช่น Google Maps เป็นต้น
(อ่านเพิ่มเติม การทำ Facebook SEO)
เทคนิคทำ Off-Page SEO มีอะไรบ้าง?
การทำ Off page SEO (Off-site SEO) หลายคนมักเข้าใจว่าเท่ากับการทำ Link Building หรือการหา Backlink ให้กับเว็บไซต์เพื่อเพิ่ม Domain Authority
แต่จริงๆ แล้ว การทำ Off site ยังมีอีกหลายปัจจัยที่เราสามารถทำหรือ Optimize เพิ่มได้ โดยเทคนิคการทำ Off site SEO ที่จะแนะนำ มีทั้งปัจจัยที่เกี่ยวและไม่เกี่ยวกับการทำลิงก์
- การทำ Link Building หรือหา Backlink
- การสร้างแบรนด์ หรือ Brand building
- การใช้ Content Marketing
- Video & Podcasts
- Local SEO (GMB and Citations)
- Social Media
- การทำ Press Release
- การไปเป็น Guest Blogger (Guest posting)ให้กับเจ้าอื่น
- การเขียนหรือตอบกระทู้(Forums)
- Influencer Marketing
การทำ Link Building หรือหา Backlink
การทำ Link Building หมายถึง การทำให้เว็บไซต์ได้ลิงก์อ้างอิงจากเว็บไซต์อื่นกลับมา หรือที่เรียกว่า “การหา Backlinks” ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักๆ ในการทำ Off-page SEO เลยก็ว่าได้ (สนใจ >> บริการรับทำเว็บไซต์ E-Commerce)
แต่ใช่ว่าเราจะสามารถทำ Link Building จากเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นมาลอยๆ หรือจากเว็บไซต์ไหนก็ได้ ถ้าจะทำ Link building ให้มีประสิทธิภาพก็ต้องหา Backlink คุณภาพมาให้ได้ ซึ่งคุณลักษณะของ Backlink คุณภาพที่ว่ามี 3 ลักษณะด้วยกัน ได้แก่
- มาจากเว็บไซต์ที่มี Domain Authority สูง คุณสามารถตรวจ Domain Authority ของเว็บไซต์ต่างๆ ได้จากลิงก์ที่แนะนำนี้
- มาจากเว็บไซต์ที่มีคนใช้งานจริง ไม่ใช่เว็บไซต์ปลอมหรือที่สร้างขึ้นมาเพื่อยิง Backlink มาให้เว็บไซต์ หากใช้กลยุทธ์นี้ อาจส่งผลในทางตรงกันข้าม
- มาจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง เช่น เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพก็ควรได้รับ Backlink มาจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพเช่นเดียวกัน
อ่านเพิ่มเติม Tiktok SEO
ส่วนวิธีการที่เราจะได้ Backlink มา ก็มีหลากหลายวิธีด้วยกัน ทั้งที่มาจากการทำ Link Building ด้วยตัวเอง และจาก Link Building จากแหล่งอื่น
- การทำ Link Building ด้วยตัวเอง เช่น สร้างเว็บไซต์หนึ่งขึ้นมา ทำเนื้อหาให้มีคุณภาพ และมีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์หลัก จากนั้นจึงส่งลิงก์กลับมาที่เว็บไซต์หลัก
- การทำ Link Building จากแหล่งอื่น หมายถึง ทำให้เว็บไซต์ของผู้อื่นอื่นลิงก์กลับมาเว็บไซต์ของเรา เช่น การซื้อ Backlink การขอให้ช่วยส่ง Backlink ให้ การอาสาไปเขียนบทความ การทำคอนเทนต์บนเว็บไซต์ให้มีคุณภาพมีคนอ้างอิง ฯลฯ
การทำแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและมีคนเสิร์ช (Brand Building)
การสร้างแบรนด์ก็ถือเป็นการทำ SEO เช่นเดียวกัน แม้จะไม่ได้เป็นปัจจัยในการจัดอันดับโดยตรงก็ตาม แต่การที่เราทำแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก มีคนค้นหาชื่อแบรนด์ของเราบน Google บ่อยๆ ก็ช่วยให้ Google เชื่อถือเว็บไซต์ของเรามากขึ้น
แบรนด์ของคุณสามารถตรวจเช็กความนิยมของแบรนด์บน Google ได้ผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า Google Trends โดยการเสิร์ช “ชื่อแบรนด์” ลงไป แล้วดูว่ามีการเติบโตหรือไม่
ยิ่งแบรนด์ได้รับการเสิร์ชมากเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสที่เว็บไซต์ของเราจะทำอันดับได้ง่ายและดีขึ้นเท่านั้น (สนใจ >> บริการรับทำเว็บไซต์ WordPress)
การทำคอนเทนต์คุณภาพเน้นให้คนแชร์
การทำคอนเทนต์หลายคนอาจจะคิดว่า เป็นเรื่องของการทำ On page SEO การทำบล็อกคอนเทนต์เท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว เราสามารถประยุกต์การทำคอนเทนต์ และ Content Marketing มาช่วยทำ Off-page SEO ได้
โดยเน้นการทำคอนเทนต์บางประเภทให้เหมาะกับการแชร์หรืออ้างอิง และขอให้คนส่ง Backlink กลับมาให้เว็บไซต์ของเราได้ ยกตัวอย่างเช่น
- การทำ Infographic ให้คนแชร์ไปใช้ อาจจะขอให้เขาช่วยส่งลิงก์กลับมาเป็นการตอบแทน
- การทำ Share Slide หรือ E-book เป็นอีกวิธีที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้คนแชร์และส่ง Backlink กลับมา โดยเฉพาะสไลด์ที่สามารถแปะโค้ด html ไปใช้งานได้บนเว็บไซต์ จะฝังลิงก์ต้นทางไว้อยู่แล้ว
- การทำคอนเทนต์คุณภาพแบบจัดเต็ม เพิ่มโอกาสให้คนใช้เป็นแหล่งข้อมูลในการอ้างอิงหรือแชร์เก็บไว้อ่านภายหลัง
การทำวิดีโอและพอดแคสต์
การทำวิดีโอและพอดแคสต์ลง YouTube และแพลตฟอร์มอื่นๆ ก็เป็นอีกวิธีที่ใช้ทำ Off page SEO ได้ เราสามารถทำวิดีโอและพอดแคสต์ให้ความรู้และแปะลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ของเรา แม้ว่าจะเป็น Backlink นอกแพลตฟอร์มเว็บไซต์และไม่ได้อยู่ในปัจจัยการจัดอันดับเว็บไซต์ (Ranking Factors) ของ Google แต่การที่มีลิงก์ให้คนกด ก็ช่วยเพิ่ม Traffic ให้เว็บไซต์ได้อยู่ดี รวมไปถึงเป็นการทำ Brand Building ในอีกรูปแบบด้วย
การทำ Local SEO บน Google My Business
การทำ Local SEO คือ การทำให้เว็บไซต์เสิร์ชเจอได้ง่ายขึ้นผ่านการนำเสนอข้อมูลในพื้นที่ของ Google ยกตัวอย่างเช่น เราเสิร์ชหาร้านกาแฟ ร้านนวด หรือร้านตัดผมบน Google บนหน้าแสดงผลการค้นหาจะมีลิสต์ร้านต่างๆ ขึ้นมาให้เราเลือก นั่นคือ ผลของการทำ “Google My Business”
นอกจากร้านค้าหรือร้านที่ให้บริการต่างๆ จะทำ Google My Business ได้ เว็บไซต์ประเภท B2B หรือเว็บไซต์อื่นๆ ก็สามารถสร้างบัญชี GMB ได้เช่นกัน ด้วยการใส่ที่อยู่บริษัทหรือสำนักงาน แล้วใส่รายละเอียดต่างๆ เช่น เบอร์โทรศัพท์ เว็บไซต์ เวลาทำการ ฯลฯ
โดยการทำ Local SEO จะช่วยให้ Google มองว่า เว็บไซต์ของเราน่าเชื่อถือ มีหลักแหล่งชัดเจน และอย่าลืมว่า GMB ก็เป็นของ Google ดังนั้น แนะนำว่า ไม่ควรพลาดทำ ที่สำคัญคือ ทำง่ายและไม่ต้องเสียเวลาปรับแต่งเหมือนเว็บไซต์ และถ้าหากไม่ทำ แน่นอนว่า เว็บไซต์ที่จะแสดงผลก่อนหรือแสดงผลแบบ Local Search ก็อาจจะเป็นเว็บไซต์คู่แข่งของเรา
การใช้โซเชียลมีเดียทำ Off Page SEO
การทำโซเชียลมีเดีย (Social Media Marketnig) ก็ช่วยให้ผลลัพธ์โดยรวมของการทำ SEO ดีขึ้นได้ ซึ่งถือเป็นอีกกลยุทธ์ Off-page SEO ที่ทำง่ายและไม่ควรพลาดเช่นเดียวกัน
ปัจจุบันผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตกว่า 93% ต่างล็อกอินเข้าใช้งานโซเชียลมีเดีย และเป็นช่องทางสำคัญที่ลูกค้าหรือผู้ติดตามใช้ติดต่อและมีส่วนร่วมกับแบรนด์ (Brand Engagement) นอกจากนี้ ผู้คนยังใช้โซเชียลมีเดียในการสืบค้นแบรนด์ ร้านค้า หรือบริการต่างๆ เพื่อสืบดูข้อมูลต่างๆ ของแบรนด์หรือร้าน เพื่อดูว่าแบรนด์หรือร้านเป็นแบบไหนตลอดจนดูคอมเมนต์ รีวิวหรือสิ่งที่แบรนด์ถูกพูดถึง การใช้โซเชียลมีเดียจึงถือว่าเป็นการสร้างแบรนด์ (Brand Building) ในรูปแบบหนึ่ง ที่ช่วยเพิ่มการเสิร์ชชื่อแบรนด์ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ เรายังสามารถนำเทคนิคอื่นๆ มาประยุกต์ใช้ผ่านโซเชียลมีเดียได้ เช่น การนำเอาเว็บไซต์มาแชร์บนโซเชียลฯ แชร์คอนเทนต์คุณภาพต่างๆ ก็ช่วยเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์ได้ ช่วยให้คนรู้จักแบรนด์มากขึ้น
การเขียนบทความให้กับเว็บไซต์อื่น (Guest Blogging)
เราไม่จำเป็นต้องรอให้เว็บไซต์อื่นส่ง Backlink ให้เรา แต่เราสามารถทำเองได้ ผ่านการ “อาสาเขียนบทความ” ให้กับเขา หรือการทำ Guest Blogging ให้กับเว็บไซต์อื่น
เราสามารถติดต่อขอเว็บไซต์ที่มี Authority สูงๆ แล้วเสนอตัวขอเขียนบทความที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของเขาหรือตรงกับความสนใจของกลุ่มผู้ติดตาม (Audience) ของเว็บไซต์นั้นๆ โดยในบทความเราสามารถแทรกลิงก์กลับมาที่เว็บไซต์ของเราได้หรืออาจระบุเว็บไซต์ของเราไว้บน ‘โปรไฟล์ผู้เขียน’ ก็สามารถทำได้
ทั้งนี้ ไม่ใช่ทุกเว็บไซต์ที่จะอนุญาตให้ใช้กลยุทธ์นี้ คุณอาจติดต่อกับเจ้าของเว็บไซต์โดยตรงหรือสืบดูก่อนว่ามีผู้เขียนคนอื่นๆ ที่เป็น Guest มาเขียนให้ด้วยหรือเปล่า
การเขียนหรือตอบกระทู้ (Forums)
Forums หรือกระทู้เป็นอีกช่องทางสำคัญในการสร้างแบรนด์และทำ Off-page SEO โดย Forums ที่คนไทยนิยมใช้คงหนีไม่พ้นเว็บไซต์ Pantip.com หรือพันทิป เป็นพื้นที่ที่คนไทยใช้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น สอบถาม ปรึกษาเรื่องต่างๆ ขอคำแนะนำ รีวิวของใช้ รีวิวร้านอาหาร ฯลฯ
ธุรกิจและเว็บไซต์ของเราสามารถเข้าไปเขียนพันทิปให้คำแนะนำต่างๆ รวมถึง สามารถแปะลิงก์กลับมายังเว็บไซต์หลักของเราได้ ถึงแม้ว่า ลิงก์ที่ได้กลับมาจะไม่ใช่ลิงก์ Do-follow แต่เป็นลิงก์ No-follow (หมายถึง ไม่ให้เครดิตหรือค่าพลัง SEO กลับมาที่เว็บไซต์)
แต่ลิงก์นั้นก็สามารถนำ Traffic ใหม่ๆ เข้ามายังเว็บไซต์ได้เช่นกัน และที่สำคัญที่สุด ถ้าเราสามารถให้ความรู้ คำแนะนำ หรือตอบคำถามผู้คนได้ แบรนด์ก็ยังได้รับความน่าเชื่อถือ ส่งผลต่อ Authority ของแบรนด์และเว็บไซต์บนโลกออนไลน์โดยตรง
การทำอีเวนต์หรือจัด Webinar
การทำอีเวนต์ (Event) หรือจัดงานสัมมนาออนไลน์ (Webinar) ที่นิยมกันในปัจจุบัน นอกจากจะมีประโยชน์ในด้านการสร้างแบรนด์/ประชาสัมพันธ์แบรนด์แล้ว ยังส่งผลต่อปัจจัยการทำ Off-page SEO อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น
- แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น คนสนใจแบรนด์มากขึ้น
- เพิ่มโอกาสที่คนจะเสิร์ชหรือค้นหาแบรนด์
- แบรนด์ได้แนะนำโปรดักต์ บริการ เข้าหากลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ
- สามารถใช้เป็นโอกาสประชาสัมพันธ์ให้คนไปดาวน์โหลดหรืออ่านคอนเทนต์บนเว็บไซต์ (ต่อยอดทำ Inbound Marketing อีกต่อได้)
- ได้ Backlink กลับมาผ่านการทำ Press Release หรือมีสื่อเขียนข่าวถึง
- ประยุกต์ใช้กับการทำ Influencer Marketing ให้ Influencer ช่วยแชร์อีเวนต์ของแบรนด์ได้
การทำ Influencer Marketing
การทำ Influencer Marketing เป็นอีกกลยุทธ์การตลาดและเทคนิคทำ Off page SEO ที่ให้ผลดีมากๆ เช่นกัน ด้วยการที่แบรนด์หรือเว็บไซต์ไปร่วมงานกับ Influencer หรือกลุ่มคนที่มีอิทธิพลต่อความเชื่อ/ความคิดเห็นของกลุ่มคนต่างๆ ซึ่งประเภทของ Influencer ก็มีหลายสายด้วยกัน
แบรนด์สามารถร่วมมือกับ Influencer ตามสายอุตสาหกรรมเดียวกัน เช่น เว็บไซต์ของเราเป็นเว็บไซต์ด้านการเงิน ขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน แบรนด์อาจร่วมมือกับ Influencer สายการเงิน เพื่อให้เขารีวิวหรือใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา แล้วแนะนำกับผู้ติดตามหรือชุมชน (Community) ของเขาผ่านช่องทางต่างๆ ช่วยทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก เพิ่มโอกาสที่คนจะเข้ามาปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์มากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีวิธีการที่ง่ายกว่านั้น โดยเราอาจตกลงขอให้ Influencer ช่วยแชร์คอนเทนต์จากเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียของแบรนด์ก็ได้ เช่น บทความ โพสต์ Infographic วิดีโอ ฯลฯ ทำให้เว็บไซต์ของเราเข้าถึงกลุ่มคนใหม่ๆ แบรนด์เป็นที่รู้จักกว้างขวางขึ้น และยังได้ Traffic กลับมาให้เว็บไซต์อีกด้วย
อ่านเพิ่มเติม Instagram SEO
สรุป
การทำ Off-Page SEO เพื่อที่จะบอกให้ google และผู้ที่เข้ามาชมเว็บไซต์รู้และเข้าใจว่าเราต้องการสื่อสารเนื้อหาที่เกี่ยวกับอะไร โดยการทำ Off site นั้นมีวิธีการทำหลายขั้นตอนซึ่งเราจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้หากต้องการให้เว็บไซต์เป็นที่ยอมรับของ google และติดอันดับการค้นหา ดังนั้นเราจำเป็นต้องมีการวางแผนการทำ Off-site SEO หรือ Backlink ให้ดีและเป็นธรรมชาติมากที่สุดเพราะหากมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียกับเว็บไซต์ได้