Header Tags คืออะไร อธิบายวิธีเขียนแต่ละ Heading Tags เพื่อSEO

เรียนรู้การแต่ง H1 H2 H3 ของ Header Tags ให้ตรงตามหลักการที่ดีสำหรับการทำ On-Page SEO ที่ถูกต้อง ความหมายของ H1-H6 จำเป็นไหมต้องเขียนให้ครบทุก Heading Tags HTML มาหาคำตอบได้ในบทความนี้ มีครบ จบในที่เดียว

เพื่อที่จะเพิ่มอันดับ SEO ได้อย่างรวดเร็ว สิ่งสำคัญคือต้องรู้และใช้ Header Tag แท็กส่วนหัวคือแท็กหลักที่ช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจลำดับชั้นของเนื้อหาของคุณ การทำให้เนื้อหาของคุณอ่านง่ายขึ้นสำหรับ User และ Bot โดย Header Tag นั้นจะแบ่งออกเป็น 6 ระดับ โดยแต่ละระดับมีวัตถุประสงค์เฉพาะของตนเอง เมื่อใช้อย่างถูกต้อง Heading Tags สามารถช่วยปรับปรุงการมองเห็นเว็บไซต์ของคุณและอัตราการคลิกผ่าน(CTR) (สนใจกด >> รับทำ SEO)

Header Tags คืออะไร?

Header Tags(Heading Tags) หรือที่เรียกว่าแท็ก H1 – H6 คือ องค์ประกอบ HTML ที่กำหนดส่วนหัวของหน้าเว็บ แท็กส่วนหัวเป็นแท็กที่สำคัญที่สุดในหน้าเว็บ เนื่องจากเป็นการบอกเครื่องมือค้นหาว่าหน้านั้นเกี่ยวกับอะไร แท็กส่วนหัวใช้เพื่อจัดโครงสร้างเนื้อหาบนหน้าเว็บ และสามารถใช้เพื่อปรับปรุง SEO ของเว็บไซต์ได้

ตัวอย่างโค้ด HTML ของ เฮดเดอร์แท็ก

<H1> Header Tag คืออะไร? Tag หลักที่ใช้ในการขึ้นอันดับ SEO ได้รวดเร็ว</H1>

Header Tags เป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของ SEO เนื่องจากช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจโครงสร้างของหน้าเว็บ หน้าที่มีโครงสร้างที่ดีพร้อมแท็กส่วนหัวที่จัดรูปแบบอย่างเหมาะสมสามารถปรับปรุง SEO ของเว็บไซต์และช่วยให้อันดับในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหาสูงขึ้น (สนใจกด >> รับสอน SEO)

ความสำคัญของการใช้ Heading Tags ใน SEO

Heading Tags เป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของ SEO บนหน้า ช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจโครงสร้างและลำดับชั้นของเนื้อหาของคุณ และยังสามารถใช้เพื่อปรับปรุงอัตราการคลิกบนเว็บไซต์ของคุณได้อีกด้วย

เราควรใช้ Heading Tags เพื่อแสดงลำดับชั้นของเนื้อหาบนเว็บไซต์ เฮดดิ้งแท็ก ที่สำคัญที่สุดคือแท็ก H1 ซึ่งใช้เพื่อระบุชื่อบทความหรือหน้าบริการ/สินค้า ของคุณ แท็ก H2 ใช้สำหรับหัวข้อย่อยที่อธิบาย H1 และแท็ก H3 จะเป็นตัวข้อย่อยที่ใช้อธิบาย H2 เพิ่มเติม

Heading Tags สามารถใช้เพื่อปรับปรุงอัตราการคลิกผ่านของคุณ การใส่คำพาดหัวที่ปรับให้เหมาะสมอย่างดีพร้อมคำหลักที่เหมาะสมสามารถกระตุ้นให้ผู้ใช้คลิกผ่านไปยังเว็บไซต์ของคุณจากหน้าผลการค้นหา (สนใจ >> บริการรับทำเว็บไซต์ รับออกแบบเว็บไซต์)

Header Tags มีประเภทอย่างไรบ้าง?

Header Tag มี 6 ประเภท H1 ถึง H6 Googlebot มองว่าแต่ละ Tag เหล่านี้เป็นเครื่องหมายอันดับ โดย H1 เป็นส่วนที่สำคัญที่สุด จำนวนแท็กส่วนหัวที่ใช้ในหน้าเว็บเป็นปัจจัยที่ Googlebot จะพิจารณาเมื่อพิจารณาถึงความสำคัญของหน้า

แท็กส่วนหัว H1 มักใช้สำหรับชื่อหน้าหรือส่วนต่างๆ ของหน้า โดยทั่วไปแล้วจะมีขนาดใหญ่กว่าแท็กส่วนหัวอื่นๆ และมักใช้ตัวหนาหรือตัวเอียงเพื่อช่วยให้โดดเด่น

โดยทั่วไปแล้วแท็กส่วนหัว H2 จะใช้สำหรับหัวข้อย่อยภายในหน้าหรือส่วน โดยปกติแล้วจะมีขนาดเล็กกว่าแท็ก H1 และไม่เป็นตัวหนาหรือตัวเอียงเสมอไป

H1 คืออะไร?

เมื่อพูดถึง SEO แท็ก H1 นั้นเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดบนหน้าเว็บ ใช้เพื่อระบุชื่อหน้าหรือบทความและบอกเครื่องมือค้นหาว่าหน้านั้นเกี่ยวกับอะไร

แม้ว่าการใช้แท็ก H1 จะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่ก็ยังคงเป็นส่วนสำคัญของ SEO และสามารถช่วยให้หน้าเว็บของคุณมีอันดับสูงขึ้นในผลการค้นหา

สิ่งแรกที่ต้องรู้คือควรใช้แท็ก H1 เพื่อระบุชื่อหลักของหน้าหรือบทความ ควรใช้เท่าที่จำเป็น เนื่องจากแท็ก H1 มากเกินไปอาจทำให้ SEO ของคุณเสียหายได้ โดยทั่วไป

คุณควรมีแท็ก H1 เพียงหนึ่งแท็กต่อหน้าและ แท็ก H1 ที่ไม่ซ้ำกัน

H2 คืออะไร?

หากคุณสงสัยว่า H2 คืออะไร คุณไม่ได้เป็นอยู่คนเดียว หลายคนไม่รู้ว่ามันคืออะไรเช่นเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้วค่อนข้างง่าย (สนใจ >> บริการรับทำเว็บไซต์ E-Commerce)

H2 เป็นองค์ประกอบใน HTML ที่แสดงส่วนหัวรอง ใช้เพื่อจัดโครงสร้างเอกสารและมักจะมาหลังองค์ประกอบ H1 ซึ่งหมายถึงส่วนหัวหลัก

แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วองค์ประกอบ H1 จะใช้สำหรับชื่อหลักของหน้า แต่องค์ประกอบ H2 สามารถใช้สำหรับหัวข้อย่อยได้ ซึ่งจะช่วยแบ่งเนื้อหาและทำให้อ่านง่ายขึ้น หากหน้ามีเนื้อหาจำนวนมาก การใช้องค์ประกอบ H2 สามารถช่วยจัดระเบียบเป็นส่วนๆ ได้

H2 มีได้หลายหัวข้อ แต่ต้องอยู่ภายใต้ H1 หรือการขึ้นหัวข้อหลักใหม่

ในส่วนนี้นั้นทาง Minimice จะแนะนำให้ทำ SEO และ SEM ควบคู่กัน เพื่อที่เราจะสามารถจับอันดับได้ทั้งคู่ ซึ้งเป็นหลักการดี และเหมาะสำหรับทุกธุรกิจที่สามารถกระตุ้นยอดขายด้วย Google

H3 คืออะไร?

H3 เป็นองค์ประกอบ Header tag ระบุส่วนหัวของส่วนระดับที่สาม องค์ประกอบ H3 จะต้องอยู่ภายในองค์ประกอบ H2 ซึ่งจะต้องอยู่ภายในองค์ประกอบ H1

H3 ใช้เพื่อจัดโครงสร้างเนื้อหาบนหน้าเว็บ ช่วยแบ่งข้อความและทำให้ผู้อ่านค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายขึ้น ควรใช้ระดับหัวเรื่องตามลำดับ

H3 สามารถมีได้หลายหัวข้อ แต่ต้องอยู่ข้างล่าง H2 เท่านั้น

H4 – H6 คืออะไร?

แท็ก H4 – H6 ใช้เพื่อระบุระดับหัวเรื่องต่าง ๆ H4 คือระดับที่ 4 ของ Header tag และรองลงมาคือ H5 เป็นระดับที่ 5 ของ Header และรองลงมาเป็น H6 เป็นระดับที่ 6 ของ Header (สนใจ >> บริการรับทำเว็บไซต์ WordPress)

ซึ้งส่วนใหญ่แล้วนั้นหัวข้ออาจจะไปไม่ถึง H4 – H6 แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ต้องมี เอาเป็นเพียงที่จำเป็นเท่านั้น

เทคนิคการใช้ Header Tags เพื่อผลที่ดีกับการทำ SEO

  • H1 ต้องมีแค่ครั้งเดียว วางอยู่ช่วงบนๆ ของหน้าเว็บ แต่ไม่จำเป็นต้องวางไว้บนสุดก็ได้
  • เขียน H1 ให้เด่นแค่ประเด่นเดียว อย่าให้มี keyword หน้าอื่นๆ มารบกวน
  • สูตรการเขียน H1 ก็คือ “Keyword+คำขยายความ” แค่นั้น เขียนให้เด่นเรื่องเดียว
  • ต้องมีความหลากหลายของ Heading ไม่จำเป็นต้องมีครบ ทั้ง H1-H6 แต่ H1-H3 ต้องมี
  • H2 ต้องมีอย่างน้อย 4 ครั้ง
  • ต้องมี Focus Keyword อยู่บน H2 อย่างน้อย 1ครั้ง
  • H3 ต้องมีอย่างน้อย 1 ครั้ง
  • มีคำที่เกี่ยวข้องปะปนอยู่บนบาง Heading ด้วย
  • หัวข้อที่ไม่สำคัญในเนื้อหา หรือเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับ Keyword เช่น พวกคำว่า คำถามที่ผมบ่อย, รีวิวจากลูกค้า, บทความล่าสุด ฯลฯ หัวข้อเหล่านี้เราต้องลดความสำคัญลง ให้ใช้เป็น H4 ไปเลย
  • แต่แน่นอนแม้ว่าคุณจะใช้ H4 ต้องคำนึงถึงความสวยงามที่หน้าเว็บด้วย ถ้าดูที่หน้าเว็บแล้วตัวอักษรมันเล็กไป ให้เพิ่ม pt หรือขนาดความใหญ่ของตัวอักษรด้วย
  • ไม่จำเป็นต้องเรียงลำดับ Heading เช่น H1 ต้องไป H2, H2 ต้องไป H3, มี h3 แล้วจะกลับมา H2 อีกไม่ได้ สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็น
  • เราใส่ Heading เพื่อแบ่งหัวข้อให้ชัดเจน ทำให้เนื้อหาดูอ่านง่ายเป็นหลัก มี H3 กลับไป H2 ได้ ไม่ใช่ปัญหา
  • Google ไม่ได้ดูแค่โครงสร้างของ Heading ที่เป็น Code HTML เพียงอย่างเดียว แต่ Google ดูระดับความใหญ่ของ Heading ที่มองเห็นด้วยตา ที่ปรากฏบนหน้าเว็บด้วย
  • ดังนั้น จุดไหนที่เป็น H1 ต้องมีขนาดตัวอักษรใหญ่ที่สุด, H2 ต้องมีขนาดรองลงมา อย่าทำให้ Heading ตัวอื่นๆ ใหญ่เท่า H1, H3 ก็ต้องเล็กกว่า H2, H4 ก็ต้องดูด้วยสายตาแล้วรู้สึกว่าเล็กกว่า H3
  • อย่าใช้ Heading เขียนเป็นย่อหน้ายาวๆ Heading ถูกสร้างมาเพื่อให้เขียนหัวข้อ ดังนั้นมันต้องไม่ยาวเกิน 1 บรรทัด ถ้าเกิน 1 บรรทัดมันคือย่อหน้า

Heading Tag สำคัญต่อการทำ SEO อย่างไร?

1. ปรับเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ให้น่าอ่าน

ประโยชน์ที่เด่นชัดที่สุดของการใช้ Heading คือ การทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกประทับใจ และอ่านเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ต่อได้จนจบ และได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ใช้งาน ว่าเป็นเว็บไซต์ที่ดูเป็นมืออาชีพ น่าเชื่อถือ นำไปสู่การเพิ่มยอดการเข้าชมเว็บไซต์ (Traffic) และดันเว็บไซต์ให้ติดอันดับบน Google ได้ในที่สุด

2. ช่วยให้ Google จัดอันดับเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น

การใส่ Heading จะทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ และยังทำให้ Algorithm ของ Google สามารถจับ Keyword ที่คุณต้องการจะใช้ และเข้าใจลำดับเนื้อหาได้ดี นำไปสู่การพิจารณาจัดอันดับเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพ

3. ช่วยอำนวยความสะดวกในการจัด Website Structure

การมี Heading ช่วยให้คุณสามารถจัด Website Structure ได้ดีขึ้น ทำให้ทั้งฝ่ายออกแบบเว็บไซต์และฝ่ายที่ต้องเขียนเนื้อหาลงบนเว็บไซต์ทำงานง่าย ลดความสับสนและความผิดพลาดในการสื่อสาร

 

สรุป

Header Tags คือ แท็ก HTML ที่ใช้สำหรับแสดงหัวข้อบนหน้าเว็บไซต์ และยังมีความสำคัญต่อการทำ SEO เพราะสามารถช่วยเพิ่มความสำคัญของเนื้อหา และช่วยให้ Search Engine สามารถเข้าใจและสามารถระบุความสำคัญของเนื้อหาได้อย่างถูกต้อง จึงช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับการค้นหาบน Search Engine ได้อีกด้วย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!