Local business ต้องใช้ Local SEO หรือ Local search algorithm โดย Google my business และ Long tail keyword เพื่อดันอันดับเว็บแซงหน้าธุรกิจใหญ่ อยู่หน้าแรกกูเกิ้ลอย่างไม่ยากเย็น บทความนี้จะให้เพื่อนๆ รู้จักการทำ Local SEO ว่ามีเทคนิคอย่างไร มีข้อดี ข้อเสียอะไรบ้างในการทำ Local SEO (ธุรกิจท้องถิ่น) และถ้าอยากจะให้ธุรกิจของเราติดหน้าแรก Google Search ด้วย Local SEO ต้องทำอย่างไร ไปติดตามกัน (สนใจกด >> รับทำ Local SEO)
Local SEO คืออะไร?
Local SEO คือ กลยุทธ์การตลาดที่เหมาะกับธุรกิจท้องถิ่น โดยต้องการให้คีย์เวิร์ดที่ใช้นั้นติดอันดับการค้นหาเฉพาะพื้นที่ ซึ่งนอกจากจะทำให้การค้นหาเฉพาะเจาะจงขึ้นแล้ว ยังเป็นการจำกัดวงคู่แข่งได้ดีอีกด้วย
ซึ่งหลักการเลือกคีย์เวิร์ดในการทำ Local SEO นั้นก็ง่ายๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน ลองนึกดูเล่นๆ ว่า ถ้าคุณทำธุรกิจ “ร้านชานมไข่มุก” การเลือกคีย์เวิร์ดคำนี้มาแข่งขันในการทำอันดับก็อาจจะยากเกินไป เราลองมาแก้เกมด้วยปรับเป็น Longtail Keyword โดยการเอาประเภทธุรกิจของคุณ + สถานที่ตั้งของธุรกิจ ชื่อเขต หรือชื่อจังหวัดเข้าไป เท่านี้ก็เรียบร้อย เช่น ร้านชานมไข่มุก บางจาก เป็นต้น
ก็คือถ้าคนบางกรวยหรือลูกค้าที่อยู่ในเขตพื้นที่อื่นๆ จะเสิร์ชแล้วไม่เจอร้านเราไม่เป็นไร แต่ถ้าคนบางจากเสิร์ชหาร้านชานมไข่มุกเมื่อไหร่ ต้องเจอร้านเรา ซึ่งการทำ Keyword ที่เป็น Local แบบนี้จะทำให้เว็บไซต์ของเรามีโอกาสที่จะติดอันดับในหน้าแรกได้ง่ายกว่า (สนใจกด >> รับสอน Local SEO)
ตัวอย่าง Local SEO keyword
Keyword ไหนที่เกี่ยวข้องกับคำว่า ร้าน โรงงาน บริษัท เราสามารถเอามาทำ Local SEO ได้ทั้งหมด
- เช่ารถ + ชื่อจังหวัด
- ร้านแอร์ + ชื่อจังหวัด หรือ ชื่อเขต อำเภอ
- ร้านเฟอรนิเจอร์ + ชื่อจังหวัด หรือ ชื่อเขต อำเภอ
- ร้านถ่ายรูป + ชื่อจังหวัด หรือ ชื่อเขต อำเภอ
- อู่ซ่อมรถ + ชื่อจังหวัด หรือ ชื่อเขต อำเภอ
- โรงงานผลิตครีม + ชื่อจังหวัด หรือ ชื่อเขต อำเภอ
- ที่พัก + ชื่อจังหวัด หรือ ชื่อเขต อำเภอ
- ร้านกาแฟ + สถานที่ท่องเที่ยว
- ขายที่ดิน + จังหวัด หรือ ชื่อเขต อำเภอ
- คลินิกเสริมความงาม + จังหวัด หรือ ชื่อเขต อำเภอ
- ถ่ายรูปรับปริญญา + ชื่อมหาลัย
- ขายบ้าน + ชื่อหมู่บ้าน
หมายเหตุ : ความแตกต่าง ระหว่างพื้นที่ของกรุงเทพ กับต่างจังหวัด คือ ถ้าธุรกิจคุณอยู่ในกรุงเทพ ให้โฟกัสที่ชื่อ เขต เป็นหลัก เพราะความหนาแน่นของประชากร จะส่งผลต่อปริมาณการค้นหาคำนั้นๆ ด้วย แต่ถ้าต่างจังหวัด (จังหวัดที่ไม่ใหญ่) จะเน้นชื่อจังหวัด ตรงๆ เลย
Local SEO ต่างจากการทำ SEO ทั่วไปอย่างไร
ต่างในเรื่องพื้นที่การแสดงผล คือ เวลาเราทำการค้นหา Keyword ที่เป็นคำค้นหา + สถานที่หรือพื้นที่ เช่น ร้านอาหาร บางรัก ฯลฯ Google จะทำการแนะนำส่วนของแผนที่และรายละเอียดร้านอาหารต่างๆ มาให้บริเวณด้านบนสุด สิ่งนี้แหละคือผลลัพธ์จากการทำ Local SEO ส่วนผลลัพธ์ของการทำ SEO ทั่วไปก็จะเป็นหน้าเว็บไซต์ที่ทำอันดับแบบ Organic ซึ่งจะอยู่ในส่วนถัดมา (สนใจ >> บริการรับทำเว็บไซต์ รับออกแบบเว็บไซต์)
และในหัวข้ออื่นๆ ก็คงจะเป็นเรื่องของ Target หรือกลุ่มเป้าหมายที่ Local SEO จะเน้นทำเฉพาะกลุ่มมากกว่า ส่วน SEO ทั่วไปอาจจะเน้นกลุ่มเป้าหมายที่กว้างได้มากกว่า
เนื่องจากสามารถทำ Keyword Research ที่หลากหลายได้ (Local SEO จะโฟกัส Keyword ที่นำมาสู่การมายังหน้าร้านเป็นส่วนใหญ่) แต่ Local SEO ก็จะทำให้เกิด Conversion ได้จริงใน % ที่สูง เพราะการที่คนค้นหา Keyword + สถานที่ที่จะไป หรือย่านที่สนใจ แสดงว่าพวกเขาอาจจะกำลังค้นหาเพื่อไปซื้อสินค้า ไปท่องเที่ยว หรือไปใช้บริการโดยตรง
นอกจากนี้ในด้านคู่แข่งเอง Local SEO จะเป็นการทำอันดับใน Keyword ที่มีคู่แข่งเฉพาะเจาะจงมากกว่าการทำ SEO ปกติ ทำให้มีโอกาสเอาชนะคู่แข่งได้มากกว่านั่นเอง
ประโยชน์ของการทำ Local SEO สำหรับผู้ประกอบการ
หากใครที่กำลังทำธุรกิจหรือเป็นผู้ประกอบการ อ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็อาจจะเริ่มรู้สึกสนใจในการทำ Local SEO ขึ้นมาบ้าง แต่ก่อนจะไปดูวิธีการทำ เรามาดูกันสักหน่อยว่า Local SEO นั้นดีสำหรับผู้ประกอบการอย่างไร
1. ช่วยให้ร้านค้าเล็กๆ หรือธุรกิจท้องถิ่น สามารถทำ SEO สู้กับเว็บไซต์ใหญ่ๆ ได้มากขึ้น
การทำ Local SEO เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยทำให้ธุรกิจเล็กๆ สามารถทำ SEO แข่งกับแบรนด์ใหญ่ๆ ได้มากยิ่งขึ้น เพราะโดยปกติแล้วหากคุณต้องการทำ SEO ใน Keyword ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ
นอกจาก Seed Keyword ที่มีการแข่งขันสูงมากๆ และมีโอกาสติดได้ยากแล้ว Long-Tail Keyword ที่เป็นคำค้นหา + สถานที่หรือที่ตั้ง ไปจนถึงคำที่คนท้องถิ่นใช้ค้นหากับแบบเฉพาะเจาะจงก็ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำอันดับสำหรับเว็บไซต์หรือธุรกิจที่มีขนาดเล็กได้มากยิ่งขึ้น (สนใจ >> บริการรับทำเว็บไซต์ E-Commerce)
2. สร้าง Traffic และ Lead กลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น
แน่นอนว่า การติดหน้า Google จะช่วยเพิ่มยอด Traffic หรือการเข้าชมเว็บไซต์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งนี่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) นอกจากนี้ การทำ Local SEO ยังช่วยให้ธุรกิจได้ Lead ที่มีโอกาสจะ Convert กลายเป็นลูกค้า เนื่องจากการทำ Keyword แบบ Local SEO นับเป็นการทำ Niche Marketing ที่มีความเฉพาะเจาะจงในกลุ่มเป้าหมายที่ค่อนข้างจะชัดเจนนั่นเอง
3. สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
Search Intent ของคนใช้งาน Google ส่วนใหญ่ก็ใช้เพื่อค้นหาบางอย่างที่ต้องการรู้ ต้องการข้อมูล หรือต้องการแก้ปัญหา และถ้าหากพวกเขาที่เป็นกลุ่มเป้าหมายสามารถหาคุณเจอได้บน Google และคุณเองก็มีการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขาก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า จนอยากจะเข้ามาซื้อสินค้าหรือใช้บริการของธุรกิจคุณมากยิ่งขึ้น
4. สร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ
การทำ Local SEO จะช่วยเสริมความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ จากการที่ผู้คนสามารถเสิร์ชหาคุณเจอได้บน Google ซึ่งก็เหมือนเป็นการยืนยันตัวตนของธุรกิจว่ามีอยู่จริงและได้รับการการันตีจาก Google ได้ด้วยว่า คุณมีความน่าเชื่อถือมากพอสำหรับ Google เนื่องจาก Google เองก็ให้ความสำคัญสำหรับ User Experience ในการใช้งาน ทำให้เว็บไซต์ที่ขึ้นอันดับได้ต้องมีความน่าเชื่อถือ มีความเชี่ยวชาญ มีอิทธิพล และออกมาจากประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญ หรือที่เรียกว่า เกณฑ์ E-E-A-T Factor
5. ทำได้ฟรีไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
การทำ Local SEO ก็เหมือนกับการทำ SEO แบบ Organic คือ การทำให้เว็บไซต์หรือหน้าธุรกิจติดหน้า 1 ฟรีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจากการทำโฆษณาแต่อย่างใด
ข้อดีของ LOCAL SEO
- ติดอันดับง่าย : การทำ Local SEO ช่วยให้เว็บไซต์แสดงผลให้กับลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ทำให้ลูกค้าเจอธุรกิจของเราเป็นอันดับแรกๆ จึงสามารถเอาชนะคู่แข่งได้
- แสดงผลในหน้าแรกแบบแผนที่ : ช่วยให้ร้านค้าหรือธุรกิจแสดงในหน้าผลการค้นหาแบบ Google Map หรือ เป็นแบบ Local Pack ซึ่งมีโอกาสที่ผู้ค้นหาจะเจอธุรกิจของคุณก่อนคู่แข่งที่ไม่ได้ทำ
- เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันทำ SEO แบบกว้าง : ด้วยการใช้คำค้นหาหรือคีย์เวิร์ดแบบ Long Tail Keyword ที่มีการแข่งขันต่ำกว่า เพราะปริมาณการค้นหา (Search Volume) น้อย ทำให้ติดอันดับแรกๆ ได้ง่าย เพิ่มโอกาสในการแข่งขันของ SEO
- กำหนด Personalized Content ตรงกลุ่มลูกค้า : การตลาดแบบนี้จะทำให้ได้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็น Niche Market ดังนั้นเมื่อมีข้อมูลของลูกค้ากลุ่มนี้แล้ว คุณสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ต่อยอดในการทำคอนเทนต์แบบเฉพาะเจาะจง หรือ Personalized Content ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริงได้
- ลูกค้าสามารถให้คะแนนรีวิว : ซึ่งช่วยให้ง่ายต่อการตัดสินใจเลือกใช้จากลูกค้ารายอื่นๆ จากข้อความแสดงความคิดเห็นและการให้ Rating หรือให้ดาว (สูงสุด 5 ดาว) เพราะหากร้านได้ Rating สูง ย่อมได้รับความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้น ทำให้มีโอกาสได้ลูกค้ามากขึ้นในอนาคต และกลับกันหากร้านไหนที่ได้ Rating ต่ำ ลูกค้าก็จะมีโอกาสใช้บริการน้อยกว่า
วิธีเช็คว่า Keyword ไหนที่ต้องทำ Local SEO
ไม่ใช่ทุก Keyword ที่เราจำเป็นต้องทำ Local SEO แล้ว Keyword ไหนควรทำ หรือไม่ควรทำ เราเช็คอย่างไร (สนใจ >> บริการรับทำเว็บไซต์ WordPress)
1. เช็คจากหน้าแสดงผลการค้นหา (Google SERP)
ให้คุณพิมพ์ค้นหาที่คุณอยากรู้ลงไปบน Google ถ้ามีแผนที่ Google Map แสดงอยู่บนผลการค้นหา แสดงว่า Keyword นี้คุณต้องปรับ On page เพื่อทำ Local SEO ด้วย
2. เช็ค Local SEO บน Ubersuggest
ให้เอา Keyword ที่คุณอยากรู้ เข้าไปเช็คที่ Ubersuggest จากนั้นให้ไปดูที่ Keyword ideas หากการแสดงผลของ Keyword นั้น มีชื่อสถานที่ต่อท้าย แสดงว่า Keyword นี้เราต้องทำ Local SEO ด้วย
แนวคิดการทำ LOCAL SEO
สำหรับแนวคิดในการทำ Local SEO ที่จะช่วยทำให้ธุรกิจของคุณดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้อง และทำให้การทำ Local SEO เป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น เราขอสรุปไว้ดังนี้
- การทำ Local SEO คือการทำ Longtail Keyword รูปแบบหนึ่ง แต่คุณต้องให้ความสำคัญกับ Longtail Keyword เหล่านี้มากๆ และควรเก็บ Keyword และทำ On-Page ให้ครอบคลุมทุกคำค้นหา แม้ว่าคำนั้นจะมี Search Volume ที่น้อยมากก็ตาม
- การทำ Local SEO ควรทำทั้งบนเว็บไซต์และบน Google My Business ควบคู่กันไป มากกว่าทำอย่างใดอย่างหนึ่ง
- คุณควรสำรวจและตรวจสอบคู่แข่งว่าพวกเขาทำอะไรดีจึงติดอันดับ หลังจากนั้นนำมาปรับปรุงเว็บไซต์ และ GMB ของคุณเพิ่มเติม
- คุณสามารถทำ Local SEO ใน Keyword คู่แข่งได้ โดยการทำ On-Page เก็บ Longtail Keyword ในพื้นที่อื่นๆ นอกเหนือจากพื้นที่ธุรกิจของคุณเอง (แต่ธุรกิจก็ควรที่จะสามารถส่งสินค้าหรือให้บริการได้ทั่วถึงใน Keyword ที่เราทำไปด้วยนะครับ)
- แนะนำให้เริ่มต้นทำ Local SEO ในพื้นที่ของคุณจนติดอันดับก่อนจะค่อยๆ กระจาย Keyword ไปยังพื้นที่อื่นๆ ที่ธุรกิจของคุณจะสามารถเข้าไปให้บริการถึงได้ เช่น คุณทำธุรกิจรับถ่ายรูปปริญญา แน่นอนว่า คุณสามารถไปถ่ายรูปได้ในทุกมหาวิทยาลัย แต่จะดีกว่าไหม ถ้าธุรกิจของคุณเป็นที่รู้จักและหาเจอในพื้นที่ก่อนแบบไม่ต้องเดินทางไกล แล้วหลังจากนั้นค่อยๆ ปั้นเว็บไซต์และ GMB ให้ติดอันดับใน Keyword ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจในพื้นที่อื่นๆ เพิ่มเติมทีหลัง
วิธีทำให้ธุรกิจติดอันดับใน Local SEO
- 1. มีเว็บไซต์ ที่ใช้ในการทำอันดับและคีย์เวิร์ด เพื่อให้ติดคำค้นหาที่เกี่ยวข้องบน Google Search และ Google Map เราอาจจะจดทะเบียนเว็บไซต์เอง หรือมือใหม่อาจใช้บริการ google site แบบฟรีไปก่อน
- 2. ปรับแต่งข้อมูลธุรกิจให้ตรงกับ คำค้นหา ที่ต้องการ เช่น ข้าวซอยอร่อยสุด เชียงใหม่ อาจใช้คีย์เวิร์ด “ข้าวซอย เชียงใหม่” “ข้าวซอย อร่อยที่สุด” หรือ “ข้าวซอย เชียงใหม่”
การปรับแต่งข้อมูลบน Google my business (GMB)
business name : ชื่อธุรกิจ ให้ลงไว้เพื่อจดจำง่ายและมีคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเราจริงๆ
categories : หมวดหมู่ธุรกิจ ให้สอดคล้องกับธุรกิจของตัวเอง เช่น ติวเตอร์ ที่ปรึกษาการตลาด บริการอาหารเดลิเวอรี่
service area : พื้นที่ให้บริการ เพื่อให้อันดับครอบคลุมทุกพื้นที่ (เลือกได้ 20 สถานที่)
office hours : เวลาทำการ อัพเดทเวลาทำงาน เวลาเปิด-ปิดของธุรกิจให้ผู้คนรับทราบ เวลาพิเศษ วันหยุดใดๆ ให้ผู้คนทราบเวลาการทำงานของธุรกิจ
services : ประเภทของบริการ เพื่อให้คนรู้ว่าเรามีบริการอะไรบ้าง สามารถแบ่งหมวดหมู่ของบริการได้ด้วย
products : ผลิตภัณฑ์ ส่วนนี้เป็นเรื่องของสินค้าที่เรามี ขายอะไร ราคาเท่าไร โดยใช้คีย์เวิร์ดร่วมกับธุรกิจได้
Attributes : เพื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบรายละเอียดต่างๆ เช่น มีห้องประชุม มีบริการ Wi-Fi มีรถเข็นสำหรับผู้พิการ หรือมีผู้บริหารเป็นผู้หญิง เพื่อช่วยให้ธุรกิจโดดเด่นในโลกออนไลน์
Images : รูปภาพบอกเล่าเรื่องราวของธุรกิจด้วยรูปภาพที่น่าสนใจ ให้ผู้ซื้อหรือคนที่จะมาเป็นลูกค้ารับทราบว่าธุรกิจเราทำอะไรบ้างให้ชัดเจน
- 3. สร้าง Local Citations คือ การทำให้ธุรกิจเราถูกพูดถึงจากแหล่งอื่น เว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ เช่น การนำลิงก์เว็บไซต์ เบอร์โทร ไปกระจายอยู่บนเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเรา และต้องเป็นเว็บที่มีความน่าเชื่อถือสูง (High Domain Authority) หากคุณมีพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่ดีก็นับได้ว่ายอดเยี่ยมมาก
เคล็ดลับการปรับ On page สำหรับ Local SEO
- การใส่ Keyword ใน URL และทำให้ Slug URL นั้น เป็น SEO Friendly URLs มากขึ้น
- ใส่ Keyword ใน Meta Title และ Meta Description
- ใส่ Keyword ใน Heading
- กระจาย Keyword ทั่วบทความอย่างเป็นธรรมชาติ โดยที่ Keyword Density อยู่ที่ 1-2%
ทำคอนเทนต์ให้เหมาะสมกับการทำ Local SEO
คอนเทนต์ยังคงมีความสำคัญกับการทำ Local SEO ด้วยเช่นเดียวกันกับการทำ SEO ปกติ จึงควรเขียนให้เนื้อหามีคุณภาพ เกี่ยวข้องกับ Keyword ที่เลือกใช้ มีการทำ Internal Link และ External Link เพื่อเชื่อมโยงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกเว็บไซต์ เพื่อให้ Google มองเห็นถึงความสัมพันธ์ของหน้าต่างๆ และเข้าใจเนื้อหาได้มากยิ่งขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น คุณทำธุรกิจซ่อมรถแถวบางจาก Keyword ที่ใช้ก็อาจจะเป็นร้านซ่อมรถ แถวบางจาก ซึ่งอาจจะเขียนถึงบริการของคุณ คำแนะนำในการเตรียมตัวสำหรับการซ่อม วิธีการเรียกใช้บริการ ฯลฯ ที่ช่วยทำให้ SEO เห็นถึงความเกี่ยวข้องและคุณภาพของเนื้อหา สุดท้ายก็จะทำให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสในการติดอันดับได้ดียิ่งขึ้น
ใส่ใจในเรื่องของการใช้รูปภาพ
ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพที่ใช้ในเว็บไซต์หรือใช้ใน Google My Business ก็ควรเลือกใช้รูปภาพที่น่าดึงดูด ชวนให้คลิกเข้ามาดูข้อมูล อาจจะมีรายละเอียดภาพที่ช่วยทำให้ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าหรือบริการของคุณมากขึ้น เช่น คุณทำร้านอาหาร รูปภาพที่ใช้ก็ควรที่จะมีรายละเอียดของเมนูอาหาร ภาพอาหาร และภาพบรรยากาศรอบๆ ร้าน ที่เมื่อคนค้นหาร้านของคุณ หรือใช้ Keyword ที่คุณทำจนติด SERPs แล้ว เมื่อเห็นภาพก็จะรู้สึกว่าน่าไปมากยิ่งขึ้น
อย่าลืมใส่ที่ตั้งธุรกิจ (Embed Maps) ลงบนเว็บไซต์
เมื่อเราระบุตำแหน่งที่ตั้งแล้ว อย่าลืมที่จะนำแผนที่นั้นมาฝังไว้บนที่ต่างๆ บนช่องทางของเรา เช่น เว็บไซต์หรือเว็บพาร์ทเนอร์ หรือแปะลิงก์แผนที่ของเราก็ได้นะ ยิ่งแชร์มาก ก็ยิ่งช่วยให้ผู้คนรู้จักธุรกิจเราได้มากเป็นการยืนยันธุรกิจ เพื่อให้ผู้คนในพื้นที่เห็นมากขึ้นด้วย
กลยุทธ์ชวนคนมารีวิว เพิ่มความน่าเชื่อถือ
ทำให้ได้รีวิวที่ดีบน Google My Business : การได้คะแนนรีวิวที่ดีจะช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับธุรกิจเรา ทั้งความน่าเชื่อถือและช่วยดึงดูดคนได้ดีมากเลย แต่อย่าเผลอทำรีวิวไม่มีคุณภาพด้วยตัวเองขึ้นมานะ เพราะ Google เองก็ฉลาดพอจะรู้ว่ารีวิวที่เกิดขึ้นนั้นเคยมาในตำแหน่งที่ทำการรีวิวจริงหรือไม่
อย่าลืมว่า Google My Business เป็นเหมือนหน้าร้านค้าบนโลกออนไลน์ที่คนจะเข้ามาดูว่าร้านของคุณมีอะไร และได้รับการรีวิวที่ดีหรือไม่ โดยอาจจะเริ่มจากพูดคุยกับลูกค้าประจำให้ช่วยรีวิวให้ ซึ่งเราอาจให้ส่วนลดพิเศษ บริการอะไรพิเศษ คูปองแลกรับหากลูกค้ามารีวิวดี เพื่อขอรับส่วนลดพิเศษในครั้งถัดไป หรือใช้วิธีการจัดโปรโมชันเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มรีวิวในส่วนนี้
ทำ Backlink จากเว็บไซต์อื่น
สุดท้ายให้ทำ Backlink กลับมายังหน้าเว็บไซต์ โดยอาจจะเข้าไปสร้างโปรไฟล์บน Business Directory ที่เกี่ยวข้อง, ติดต่อเว็บข่าวสารท้องถิ่นเพื่อลงประกาศเกี่ยวกับธุรกิจของคุณ หรือจะหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องธุรกิจของคุณเพื่อติดต่อขอทำ Backlink ก็ได้
ใช้เวลานานแค่ไหน Local SEO จึงจะติดหน้าแรก
ระยะเวลาในการทำ Local SEO นั้นจะขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของเว็บไซต์ ความยาก-ง่ายของ keyword ที่ต้องการทำอันดับ ไปจนถึงเทคนิคการทำ SEO ที่ถ้ามีความเชี่ยวชาญและเว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์ใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องทำการแก้ไขมากนัก ในระยะเวลา 6 เดือนแรกก็อาจจะทำให้ติดอันดับใน Keyword ที่ต้องการได้แล้ว
LOCAL SEO จัดอันดับอย่างไร ?
ในการจัดอันดับของเว็บไซต์นั้น จะมีอัลกอริทึมของ Google ตัวหนึ่งที่ชื่อ Pigeon เป็นตัวจัดลำดับการค้นหาที่ดีที่สุดตามตำแหน่งของผู้ใช้งาน ซึ่งจะมีความแตกต่างจากการทำ SEO แบบปกติหลัก ๆ ดังนี้
- ตำแหน่งของผู้ใช้งาน
- การระบุ NAP (Name, Address, Phone Number) ธุรกิจ
- การมีข้อมูลธุรกิจอยู่ใน Google My Business
- มีคีย์เวิร์ดที่ใช้อยู่ในโปรไฟล์ของ Google My Business
- มีรีวิวแสดงความคิดเห็นจากลูกค้ามีคีย์เวิร์ดที่ใช้อยู่ในรีวิวความคิดเห็นของลูกค้าปริมาณ
- การเช็คอิน ณ สถานที่ตั้งธุรกิจ
- ปริมาณแชร์ในโซเชียลมีเดีย
- มีเรทติ้งของธุรกิจแสดงบน Google Map
สรุป 10 กลยุทธ์การทำ local SEO
- สร้างบัญชี google my business โปรไฟล์สำหรับธุรกิจ
- หารีวิวจากลูกค้าจริงให้ได้ รีวิวดีมีชัยไปกว่าครึ่งครับ
- สร้างคีย์เวิร์ดโดยใช้เทคนิค สินค้าหรือบริการ + สถานที่ ช่วยสนับสนุน voice search ได้
- สร้างเนื้อหา รูปภาพ วีดีโอ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนำมาลงใน GMB
- ทำเว็บไซต์ให้ถูกหลัก mobile friendly
- เลือกใช้คีย์เวิร์ดที่คนนิยมใช้ (seed-keyword)
- ใส่ข้อมูลในโปรไฟล์ธุรกิจให้ครบถ้วนทุกหัวข้อ
- อย่าลืมสร้างลิงก์ให้กลับมายังเว็บไซต์ธุรกิจคุณเอง
- สร้างเว็บเพจที่เฉพาะเจาะจงกับลูกค้า เพื่อลูกค้าค้นหาสินค้าบริการได้ง่ายขึ้น
- google my business สามารถแชทคุยกับลูกค้าได้ อย่าลืมเปิดแจ้งเตือนไว้นะ
Google My Business คืออะไร ?
Google My Business คือ บริการจาก Google ที่สร้างขึ้นมาเพื่อสนับสนุนร้านค้า ห้างสรรพสินค้า และธุรกิจต่างๆ ในพื้นที่ โดยเราสามารถใส่ข้อมูลของธุรกิจลงในฐานข้อมูลของ Google ได้ เมื่อมีคนเสิร์ชหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับร้านค้า หรือธุรกิจของเรา ข้อมูลก็จะแสดงขึ้นบน Google Search และ Google Map
โดยจุดเด่นของบริการนี้คือ เมื่อมีคนเสิร์ชหาร้านค้า หรือบริการบน Google Map หากร้านค้าของคุณอยู่ใกล้เคียง หรืออยู่ในพื้นที่ที่ลูกค้าเลือกเสิร์ช ข้อมูลธุรกิจของคุณก็จะถูกแสดงขึ้นมา เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงร้านค้าของคุณได้
สมัคร Google My Business เพิ่มการเข้าถึงพร้อมกับอัพเดทข้อมูลร้านค้า
GMB หรือ Google My Business เป็นบริการฟรีจาก Google ที่จะช่วยให้ร้านค้าต่างๆ สามารถเพิ่มข้อมูลของร้านค้าลงในฐานข้อมูลของ Google และทำให้ร้านค้านั้นๆ สามารถที่จะไปปรากฏบนบริการต่างๆ เช่น Google Search หรือ Google Maps ได้ ดังนั้นก่อนที่เราจะสามารถเริ่มต้นการทำ Local SEO เราควรที่จะต้องสมัครบัญชีบน Google My Business เสียก่อน
สำหรับผู้ที่เคยสมัครแล้วเราก็สามารถที่จะเข้าไปอัพเดทข้อมูลร้านค้าของเราได้เลย แต่หากเป็นร้านค้าใหม่ก็ให้ทำการตั้งชื่อธุรกิจและใส่ข้อมูลต่างๆ ให้ครบถ้วนมากที่สุด โดยชื่อธุรกิจของเราควรมี Keyword สำคัญเกี่ยวกับธุรกิจของเราอยู่สัก 1-2 คำ (ไม่ควรเยอะกว่านี้) เพื่อช่วยในการค้นหา โดยเราสามารถนำ ชื่อธุรกิจ+keyword หรือ จะสลับตำแหน่งกันก็ได้ เช่น ร้านหอมฟุ้งซักอบรีด หรือ สอนภาษาอังกฤษ by ครูอาดัม เป็นต้น
สิ่งสำคัญที่คุณควรทำ คือการกดอนุญาตให้ร้านค้าของคุณสามารถขึ้นไปโชว์บน Google Search และ Google Maps ได้ และควรมั่นใจว่า หมุดที่อยู่บน Google Maps นั้นคือตำแหน่งที่ถูกต้องของร้านค้า
นอกจากนี้ หากบริการหรือธุรกิจของคุณสามารถให้บริการนอกพื้นที่ได้ ก็อย่าลืมที่จะเพิ่มตำแหน่งของพื้นที่บริการเพิ่มเติมลงไปด้วย (สูงสุด 20 พื้นที่) โดยหลังจากกรอกข้อมูลทั้งหมดพร้อมกดยืนยันในการสร้างบัญชี เราก็จะถูกพามาที่หน้าโปรไฟล์ของ GMB ซึ่งเราสามารถใส่ข้อมูลและทำการปรับแต่งข้อมูลเพิ่มเติมได้ในครั้งต่อๆ ไป
ขั้นตอนใช้ Google My Business สำหรับ Local SEO
- ใส่ชื่อธุรกิจ
- เลือกประเภทธุรกิจ
- เพิ่มเว็บไซต์ของร้าน
- ใส่หมวดหมู่ธุรกิจ
- กรอกที่อยู่ของธุรกิจ
- เลือกพื้นที่ตั้งของธุรกิจจาก Map
- ใส่หมายเลขโทรศัพท์
- เพิ่มเวลาทำการ
- เพิ่มคำอธิบายธุรกิจ
- เพิ่มรูปภาพร้าน
- ลงข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น บทความ ผลิตภัณฑ์ บริการต่างๆ
- เพิ่มจำนวนรีวิวบน Google My Business
การปรับปรุงประสิทธิภาพ LOCAL SEO
สำหรับธุรกิจที่ทำ SEO อยู่แล้วนั้น ใช้พื้นฐานเดียวกันในการปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ เราเพียงแค่ต้องปรับแต่งหรือเพิ่มเติมบางส่วนให้สอดคล้องกับ วิธีการที่เราทำ ดังนี้
1. การปรับปรุงสำหรับ GOOGLE MY BUSINESS
- ใส่ข้อมูล NAP+W (Name, Address, Phone Number + Website) : ใส่ข้อมูลของธุรกิจให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ชื่อกิจการ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ เว็บไซต์ รวมถึงอีเมล์ เพื่อบ่งบอกถึงการมีตัวตนอยู่จริง ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ
- ใส่ Description ของธุรกิจ : กรอกรายละเอียดความเป็นมาสั้นๆ ของธุรกิจเรา
- ใส่ Keyword สำหรับ SEO เข้าไปด้วยอัพเดทข้อมูลอยู่เสมอ : หมั่นโพสต์อัพเดทธุรกิจใน Google My Business อย่างสม่ำเสมอ เพื่อ Google จะได้มองว่าไม่ใช่เว็บไซต์ร้าง
- ให้ลูกค้ารีวิว : ขอความร่วมมือลูกค้าเช็คอินที่ร้านในโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook และ Instagram รวมทั้งให้รีวิวสินค้าหรือบริการของร้าน (หากเป็นไปได้ในข้อความแสดงความคิดเห็นควรหาทางให้ลูกค้าใส่คีย์เวิร์ดไว้ด้วย อย่างการมีรูปแบบบางประโยคกำหนดไว้สั้นๆ ให้อยู่ในข้อความรีวิว เช่น ให้ขึ้นต้นด้วยคำว่า “รีวิวร้านขนมXXX”…ตามด้วยส่วนความคิดเห็นจากลูกค้าเอง) โดยการแจกรางวัลที่ดึงดูดใจเพื่อกระตุ้นลูกค้าให้อยากนำเสนอประสบการณ์ที่ได้รับ
- มีรูปภาพ : ต้องมีรูปสินค้าหรือบริการที่ดูสวยงามและคมชัด เป็นปัจจุบัน ประมาณ 8-10 รูปกำลังพอดี
2. การปรับปรุงสำหรับเว็บไซต์
- ต้อง Mobile Friendly : จากข้อมูลที่เรารู้ว่ากลุ่มลูกค้าที่ค้นหา Local Business มาจากผู้ใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือเป็นจำนวนมากที่สุด ดังนั้นจึงต้องเน้นการออกแบบเว็บไซต์ให้แสดงผลได้ดีบนมือถือเป็นพิเศษ เนื่องจากความรวดเร็วและความสะดวกสบายของผู้ใช้งาน
- ใช้ Long-Tail Keyword : ปรับปรุงคำค้นหาหรือคีย์เวิร์ดด้วยการปรับคีย์เวิร์ดในคอนเทนต์ของเว็บให้เป็น Long-Tail Keyword เพิ่มขึ้นมา เช่น จากคำเดิมที่เป็น “ร้านกาแฟ” เปลี่ยนเป็น “ร้านกาแฟเชียงใหม่ อำเภอเมือง” หรือจาก “ช่างทำกุญแจ” เป็น “ช่างทำกุญแจ ติวานนท์ นนทบุรี” เป็นต้น
- สร้าง Personalized Content : ทำคอนเท้นต์เจาะกลุ่มลูกค้าที่มาจากการทำ Local SEO หรือหากธุรกิจมีหลายสาขาก็ควรแยกทำคอนเท้นต์ของแต่ละสาขาให้ตรงกับประเภทของลูกค้าในแต่ละพื้นที่นั้นๆ อย่างชัดเจน เช่น ร้านทำสีรถสาขาภูเก็ต อาจจะทำคอนเท้นต์ชื่อ “ข้อควรระวังในการดูแลรถที่ต้องสัมผัสลมทะเลเป็นประจำ” ส่วนร้านในสาขาเชียงใหม่ อาจจะทำคอนเท้นต์ “เทคนิคการขับรถขึ้นเขาอย่างถูกวิธี” เป็นต้น
- ปรับปรุง On Page : ปรับ Title, Image, URL, Meta Description และส่วน Content ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับคีย์เวิร์ดที่เรากำหนดขึ้นมา ซึ่งส่วนของคอนเทนต์นั้น หากธุรกิจของเรามีมากกว่า 1 สาขา ก็ควรทำคอนเทนต์ที่มี Local Keyword ของแต่ละสาขาแยกไว้จากคอนเทนต์รวมของหน้าหลักอีกทีหนึ่ง
- ใส่ข้อมูลละเอียดครบถ้วน : ตรวจสอบข้อมูลของร้านค้ารวมถึงเวลาทำการให้ถูกต้อง และควรใส่อย่างละเอียดในระดับที่ลูกค้าอ่านแล้วไม่จำเป็นต้องโทรศัพท์ถามก็เข้าใจได้เลย
- ใส่ Schema Markup : เพิ่ม Schema Markup ไว้ในหน้า Landing Page อย่างเหมาะสม
- แยก Landing Page : แยกของแต่ละสาขาออกจากกัน (หากมีมากกว่า 1 ร้าน) รวมถึงคีย์เวิร์ดที่ทำไว้เฉพาะของแต่ละสาขา ให้สอดคล้องกับคอนเท้นต์ในสาขานั้นๆ
- มีการอ้างอิงลิงค์ของเว็บไซต์เราจากเว็บไซต์อื่น : ยิ่งเว็บไซต์หรือเนื้อหาที่อ้างอิงเว็บไซต์เรามีความน่าเชื่อถือมากเท่าไหร่ เว็บไซต์เราก็จะได้คะแนนในส่วนนี้เพิ่มขึ้นด้วย
หมายเหตุ : หากคุณไม่ต้องการสร้างหลายเว็บไซต์เพื่อรองรับ Local SEO ในแต่ละสาขา ควรเน้นการทำ Google My Business ให้มีประสิทธิภาพ และปักหมุดในทุกสาขาก็เพียงพอแล้ว
3. การสร้าง LOCAL LINK และการโปรโมทร้านให้เป็นที่รู้จัก
- หาโอกาสใช้ร้านเป็นพื้นที่จัดงานกิจกรรมต่างๆ ในท้องถิ่น : เพื่อทำให้คนในพื้นที่หรือคนที่เดินทางมางานกิจกรรมนั้นๆ ได้รู้จักร้านของคุณ ว่าขายสินค้าหรือบริการอะไร ทำให้เกิดการจดจำ (Brand Awareness)
- หาทางเป็น Partner กับสื่อวิทยุหรือสิ่งพิมพ์ท้องถิ่น : เพื่อโอกาสในการโปรโมทร้านจากสื่อเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม อย่างเช่นการให้มาใช้พื้นที่ของร้านในการทำงาน การอำนวยความสะดวกทางธุรกิจ หรือการมอบสินค้าและบริการให้แก่สื่อเหล่านี้เป็นพิเศษ
- เข้าร่วมงานบริจาคหรืองานการกุศลตามโอกาส : นอกจากเป็นการสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมแล้วยังช่วยให้ผู้คนมีโอกาสรู้จักธุรกิจคุณเพิ่มขึ้น ช่วยเพิ่มลูกค้าเป้าหมายในอนาคต
- รวมกลุ่มระหว่างธุรกิจประเภทเดียวกันหรือคล้ายคลึงกันในท้องถิ่น : จะดีกว่าไหมหากมีเพื่อนหรือพันธมิตรกันทางธุรกิจ เพราะเวลามีข่าวสารต่างๆ จะได้คอยแจ้งให้ทราบแก่กัน เผื่อบางคนมีหลายธุรกิจ อาจจะไม่ค่อยมีเวลาติดตามข้อมูลหรือเหตุการณ์ในพื้นที่ร้านใดร้านหนึ่งมากนัก จึงย่อมดีกว่าอยู่ตัวคนเดียว รวมถึงการช่วยเหลือกันและเปิดโอกาสทางธุรกิจที่อาจเกิดขึ้น
- ให้ส่วนลดพิเศษสำหรับห้างร้านหรือบริษัทในพื้นที่นั้นๆ : เพื่อเป็นการเชิญชวนพนักงานขององค์กรที่ให้สิทธิพิเศษ มาซื้อสินค้าหรือบริการที่ร้าน ทั้งยังเป็นการให้ลูกค้าช่วยโปรโมทต่อไปหากเขารู้สึกประทับใจกับประสบการณ์ที่ได้รับ
- ใช้โปรแกรม Local SEO อื่นๆ มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพผลลัพธ์การค้นหา : การใช้ Third Party อย่างโปรแกรมอื่นๆมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพผลการค้นหา แต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่น BrightLocal, MozLocal, Whitespark, Advice Local และ Yext ซึ่งคิดอัตราค่าบริการเป็นรายเดือนหรือรายปี ซึ่งขึ้นอยู่กับโปรแกรมที่เลือกใช้
วิธีวัดผลการทำ Local SEO
หลังจากที่เราได้ใช้ความพยายามในการทำ Local SEO และปรับปรุงเว็บไซต์ของเราให้เข้ากับการจัดอันดับของ Google แล้ว หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าการทำงานของเรานั้นมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน เราจึงได้รวบรวมมาตราวัดสำคัญ ที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการทำ Local SEO ซึ่งเราอาจจะเลือกใช้อันที่เราเห็นว่าเหมาะสมกับธุรกิจของเรามากที่สุด จะมีอะไรบ้างตามไปดูกันเลย
Google My Business Insights
ที่แรกที่คุณควรไป ถ้าคุณอยากรู้ผลลัพธ์ของการทำ Local SEO ของคุณ เพราะข้อมูลทั้งหมดเช่น impression, clicks หรือ ค่าวัดอื่นๆ ถูกรวมเอาไว้ที่นี่แล้ว และเนื่องจาก GMB มีลักษณะที่คล้ายกับโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์ม จึงทำให้คุณสามารถเข้าใจได้ด้วยว่าโพสต์แบบไหนที่ได้รับการตอบรับที่ดี (หรือไม่ดี) จากลูกค้าของคุณ
Customer Reviews
Google มีอัลกอริธึมของการวัด Local SEO แยกออกมาจาก SEO แบบ Organic ซึ่งการทำงานของอัลโกริธึมของ Local SEO นั้นจะนับการรีวิวเป็นคะแนนในการจัดอันดับเว็บไซต์ด้วย นอกจากนี้รีวิวยังมีผลต่อการตัดสินใจของลูกค้าคนอื่นๆ ที่เจอร้านค้าของเราผ่านการค้นหาโดย Google โดยเฉพาะรีวิว 5 ดาวที่ยิ่งเยอะก็ยิ่งเพิ่มแนวโน้มที่จะทำให้ลูกค้าใหม่ ตัดสินใจที่จะใช้บริการของเรา
Engagement
หรือค่าความปฏิสัมพันธ์ที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์หรือธุรกิจ ซึ่งเป็นค่าวัดที่อาจยังวัดผลได้ไม่ง่ายนัก แต่อาจจะมีผลในระยะยาวเกี่ยวกับการจัดอันดับบน Google ตัวอย่างของการปฎิสัมพันธ์ของเว็บไซต์ในปัจจุบันเช่น การใช้งาน Google Questions and Answers ที่ทำให้ลูกค้าสามารถที่จะพูดคุยกับแบรนด์ได้โดยตรง เป็นต้น
Geo Targeted Keyword Clicks
จำนวนคลิ๊กที่ได้จากการค้นหา Keyword ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่ตั้ง ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นถึงจำนวนคนที่เข้ามาที่เว็บไซต์ของเราผ่านการค้นหา บริการที่ตั้งอยู่ ณ ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง ยิ่งจำนวนคลิ๊กมีจำนวนที่สูงขึ้นก็แสดงถึงความสนใจที่ลูกค้ามีต่อบริการในท้องถิ่นนั้นๆ
Local Search Ranking
ลำดับของการค้นหาเว็บไซต์ในระดับท้องถิ่น ซึ่งอาจจะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากกว่าการวัดผลลัพธ์จาก keyword แบบวงกว้าง ตัวเลข click rate ที่เราได้จากการค้นหาแบบที่ตั้งย่อมเป็นตัวชี้ให้เห็นว่าเรากำลังทำ Local SEO มาถูกทางหรือไม่ โดยเป้าหมายที่เราต้องการก็คือการครองตำแหน่งต้นๆ ในการค้นหาบริการแบบท้องถิ่น
Non-Branded Search
ตัวเลขของการค้นหาบริการในสถานที่ ที่ไม่มีชื่อของแบรนด์หรือสินค้าในการค้นหา เช่น ร้านอาหาร เชียงใหม่ หรือ โรงแรม หัวหิน เป็นตัวเลขที่สามารถบอกได้ว่า Local SEO ของเรานั้นได้ผลมากน้อยแค่ไหน
Organic Traffic
ค่าวัดมาตรฐานในการทำ SEO ในทุกรูปแบบ หัวใจของการทำ SEO คือการทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับ Google โดยไม่ต้องเสียเงินในการยิงโฆษณา ยิ่งจำนวน Organic Traffic ของเราสูงมากเท่าไหร่ก็หมายความว่าเราทำ Local SEO ได้ดีมากเท่านั้น การที่เราได้รับ Organic Traffic ที่สูงยังเป็นตัวบ่งบอก Google ด้วยว่า เว็บไซต์ของเรานั้นมีความเกี่ยวข้องกับ Keyword ที่เราใช้สูง
Organic Traffic by Location
ค่าวัดที่เป็นการกรอง Organic Traffic ลงไปอีกชั้น จริงอยู่ที่ว่าหากเราได้รับ Organic Traffic ที่สูงขึ้นแสดงว่าเรากำลังทำ SEO ได้ถูกทาง แต่การโฟกัสไปที่จำนวนของ Traffic ที่อยู่ในรัศมีของธุรกิจของเรา ย่อมแสดงให้เห็นถึงผลสำเร็จที่ชัดเจนกว่า เพราะเราคงไม่อยากได้ตัวเลข Organic Traffic ที่สูง แต่ลูกค้าของเรากลับอยู่นอกพื้นที่ทั้งหมด จึงเป็นค่าวัดที่น่าสนใจในการใช้ประเมิณการทำ Local SEO ของเรา
Phone Clicks
การวัดจำนวนโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาหาร้านค้าหรือธุรกิจของเราก็เป็นตัววัดที่ดีอีกตัวหนึ่ง สำหรับธุรกิจท้องถิ่นแล้วไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ลูกค้าใหม่จะทำการโทรเข้ามาเช็กเกี่ยวกับธุรกิจหรือบริการของคุณ และมันยังบ่งบอกถึงแนวโน้มที่ลูกค้าจะมาใช้บริการจริงอีกด้วย
Total Impressions
จำนวนผู้ที่เห็นลิงก์ของคุณบน Google อาจไม่ใช่ค่าวัดที่ดีที่สุด แต่มันก็สามารถบ่งบอกเกี่ยวกับภาพรวมของการทำ SEO ของคุณได้ว่ามีคนเห็นเว็บไซต์ของคุณมากขึ้นหรือไม่ โดยตัวเลขที่มากขึ้นก็สามารถบ่งบอกได้ว่าเว็บไซต์ของคุณน่าจะอยู่ในอันดับต้นๆ ของการค้นหาบน Google โดย Keyword นั้นๆ
Website URL Views
จำนวนของผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ เป็นอีกหนึ่งมาตราวัดที่สามารถใช้บ่งบอกภาพรวมว่ามีคนไปที่เว็บไซต์ของคุณมากน้อยแค่ไหน
สรุป
Local Search Algorithm หรือ Local SEO คือ เทคนิคการทำ SEO ให้กับ Local Business หรือ ธุรกิจท้องถิ่น โดยธุรกิจเหล่านั้นเป็นธุรกิจที่ดำเนินในพื้นที่เฉพาะ เช่น มีหน้าร้าน มีโกดังให้เข้าไปเยี่ยมชมสินค้า ฯลฯ
ซึ่งวิธีการทำ Local SEO จะเน้นทำอันดับเฉพาะ Keyword (คำค้นหา) + พื้นที่ต่างๆ ที่อยู่ในบริเวณที่ธุรกิจครอบคลุม เช่น เฉพาะเขต แขวง ย่าน จังหวัด ทำให้คนที่มีความสนใจหรือกำลังตามหาร้านค้า สินค้าหรือบริการในละแวกนั้นๆ หาธุรกิจคุณเจอได้ง่ายขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น คุณทำร้านสเต๊กอยู่ในย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ อย่างบางรัก แน่นอนว่ามีร้านอาหารหลากหลายในย่านนี้เยอะแยะมากมาย จะทำยังไงให้คนหาคุณเจอ?
ง่ายๆ เลยก็คือ การทำ Local SEO ด้วยการกำหนด Keyword + พื้นที่เฉพาะใกล้ๆ กับร้านอาหารคุณ เช่น ร้านอาหาร บางรัก, สเต๊ก สาธร, ร้านเนื้ออร่อยๆ ศาลาแดง, ร้านนั่งชิว แถวสวนลุม เป็นต้น