การทำ YouTube SEO หรือ SEO Youtube ก็คือกระบวนการทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อวัตถุประสงค์ในการทำให้วิดีโอต่างๆ ในช่อง YouTube ของคุณขึ้นแสดงหน้าแรกทั้งบน YouTube เองหรืออาจจะถูกเลือกไปขึ้นหน้าแรกบน Google ได้อีกด้วย (Markettium บริษัทรับทำ seo)
ข้อแตกต่างระหว่าง Google กับ YouTube หลักๆ ข้อนึงเลยก็คือการวัด Content Quality เพราะ Google Search Engine นั่นเค้ามีระบบการจัดลำดับ Ranking เรื่องของคุณภาพเนื้อหาที่ควรติดหน้าหนึ่งที่ค่อนข้างดีกว่าบน YouTube เนื่องด้วยการวัดจากจำนวน Backlinks และอื่นๆ มากมาย แต่ YouTube ไม่มีระบบ Backlinks หรืออื่นๆ เหล่านั้น ทำให้ Data หลักที่ต้องใช้ในการวัดคุณภาพของเนื้อหาวิดีโอก็เลยต้องมาตกอยู่ที่ Audience Retention หรือรักษา Subscribers เอาไว้รวมไปถึง Watch Time หรือความยาวที่คนส่วนมากดูคลิปจนกว่าจะกดปิดนั่นเอง ยิ่งคนดูคลิปจบมากเท่าไร ยิ่งแปลว่าเนื้อหาของคุณมันดีมากเท่านั้น (เรามีบริการ รับสอน SEO ด้วยนะ)
Youtube Seo คืออะไร
YouTube SEO คือ การเพิ่มประสิทธิภาพวิดีโอ ช่อง (Chanel) ข้อมูลเมตา (Metadata) เพลย์ลิสต์ (Playlist) และคำอธิบาย (Description) ทั้งการค้นหาภายในและภายนอกบน ยูทูป นอกจากนี้หนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุดในการทำ SEO YouTube คือ การปรับแต่งข้อมูลในวิดีโอ ยูทูปของคุณคือ การเพิ่มประสิทธิภาพของข้อความในส่วนของ คำบรรยาย (Subtitle) ข้อความปิดท้าย (Closed Caption) และทรานสคริปท์ (Transcript)
วิธีทำ SEO YouTube ติดหน้าแรกการค้นหา
1. SEO Keyword
หากคุณอยากให้คลิปวิดีโอของคุณมีผู้รับชมเยอะหรือมียอดวิวที่สูง คุณก็จำเป็นที่จะต้องสร้างคอนเทนต์ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค หรือกลุ่มเป้าหมายหลักของธุรกิจคุณ คุณอาจเริ่มต้นด้วยการ Research Keyword ดูก่อน ว่ามีคำหรือเรื่องอะไรบ้างที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ (สนใจ >> บริการรับทำเว็บไซต์ รับออกแบบเว็บไซต์)
จากนั้นคุณก็เลือก Keyword ที่มีความเกี่ยวข้องกับตัวธุรกิจมาใช้เป็นเกณฑ์ในการสร้างสรรค์เนื้อหา ดังนั้นคุณจึงควรเลือก Keyword ที่มีคุณภาพ เลือกเรื่องราวหรือประเด็นที่น่าสนใจมาใช้ผลิตเป็นคอนเทนต์ โดยการ Research Keyword บน Youtube นั้น
สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการกรอกคำหรือประโยคที่เราสนใจลงช่องค้นหาโดยตรง เพื่อดูว่าผู้บริโภคมี Intent ในการค้นหาแบบใด พวกเขามีความสนใจในเนื้อหาแบบไหน เพื่อที่เราจะได้สร้างเนื้อหาได้อย่างถูกต้องและตรงต่อความสนใจของพวกเขา
เคล็ดลับ : การเลือก Keyword ที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างมาก คุณควรเลือก Keyword ที่มีความเกี่ยวข้องกับตัวธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการ เรื่องราวหรือองค์ความรู้ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและความเป็นมืออาชีพให้กับตัวธุรกิจ
คุณอาจเลือกโฟกัส Keyword ที่มี Search Volume ค่อนข้างสูง หรือมีศักยภาพมากพอที่จะนำไปสร้างคอนเทนต์ต่อยอดและแข่งขันกับคู่แข่งได้ (อ่านเพิ่มเติม SEO Keyword)
2. พูดถึงคีย์เวิร์ดหลักในวิดีโอ
หากคุณไม่พูดถึงคีย์เวิร์ดหลักในวิดีโอ จะทำให้คำหลักนั้นไม่ปรากฏในคำอธิบายภาพหรือการถอดเสียง ซึ่งถือว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญของการทำให้กลยุทธ์ของคุณประสบความสำเร็จ ดังนั้นพยายามรวมคำหลักของคุณอย่างรอบคอบและเป็นธรรมชาติที่สุดเข้าไปในวิดีโอของคุณ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ข้อความถอดเสียงของคุณมากเกินไปควรวางแผนสคริปต์ล่วงหน้า และพยายามรวมคำหลักของคุณไว้ที่จุดเริ่มต้นของวิดีโอเพื่อให้คำหลักปรากฏในช่วงต้นของการถอดเสียง
3. ใช้ภาพขนาดย่อ (Thumbnail) ที่น่าสนใจ
การเลือกใช้ภาพขนาดย่อของวิดีโอ หรือ ที่หลายคนเรียกว่า ภาพปก (Cover) ที่เหมาะสมและดึงดูด จะช่วยสร้างความแตกต่างได้อย่างมากต่ออัตราการคลิก ซึ่งก่อนอื่นเราควรใช้รูปภาพคุณภาพสูงที่มีอัตราส่วนภาพ 16:9 แม้ระบบจะเสนอภาพหน้าจอ 3 ภาพมาให้เลือก แต่ความจริงเรายังสามารถอัปโหลดภาพที่ต้องการเองได้
อย่างไรก็ตาม จำไว้ว่าระบบจะวางตัวเลขระยะเวลา (Duration) ของวิดีโอไว้ที่มุมล่างของภาพขนาดย่อ ดังนั้นควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งกีดขวางเนื้อหาที่สำคัญในภาพขนาดย่อของคุณ นอกจากนี้ โปรดจำไว้ว่า Google ใช้การจดจำรูปภาพเพื่อกรองภาพบางภาพออกโดยอัตโนมัติ เช่น โลโก้ยูทูป ตามหลักการแล้ว คุณต้องการภาพที่สื่อถึงคำหลักเป้าหมายของคุณได้ชัดเจน ซึ่งสิ่งนี้จะนำคุณไปสู่การแสดงวีดีโอในส่วน วีดีโอที่เกี่ยวข้องได้ดียิ่งขึ้น (อ่านเพิ่มเติม Tiktok SEO)
4. Description
Description คือ คำอธิบายเบื้องต้นของคลิปวิดีโอที่เปิดให้เจ้าของช่องหรือผู้สร้าง สามารถเขียนอะไรใส่ไว้ก็ได้ตามความต้องการ โดยส่วนมากแล้วคอนเทนต์ครีเอเตอร์มักจะใส่คำอธิบายที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของตัวคลิปเอาไว้ ซึ่ง Description ที่เหมาะสมคือ Description ที่มี Keyword ของคลิปวิดีโอผสมอยู่
คุณอาจเลือกเขียนอธิบายเนื้อหาไว้คร่าว ๆ เพื่อให้อัลกอริทึมของ Youtube รู้ว่าเนื้อหาภายในคลิปเกี่ยวกับอะไร ตัวเว็บไซต์จะได้เลือกแสดงคลิปวิดีโอของคุณเมื่อมีคนค้นหา Keyword นั้น ๆ ซึ่งมันจะช่วยให้คอนเทนต์ของคุณแสดงบนหน้าค้นหามากขึ้น
5. Tags
Tags เปรียบเสมือนป้ายบอกทาง ที่คอยเชื่อมโยงตัวคลิปวิดีโอที่เราสร้าง เข้ากับหมวดหมู่เนื้อหาต่าง ๆ การใส่ Tags จะช่วยให้ Youtube เข้าใจเนื้อหาของคลิปวิดีโอได้มากขึ้น ทำให้คลิปของคุณไปปรากฏบนหน้าค้นหาได้อย่างเหมาะสม เราสามารถใส่ Tags ได้ตามความต้องการ แต่ทางที่ดีก็ควรใส่ Tags แรกเป็น Keyword ที่เราโฟกัส
6. Title
Title หรือชื่อคลิปวิดีโอ ถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดที่เราควรใส่ Keyword ไว้ เพราะตัว Title จะเป็นส่วนแรกสุดที่ผู้ใช้งานอ่านหรือมองเห็น ซึ่งในขณะเดียวกันตัวอัลกอริทึมก็จะเก็บข้อมูลจากส่วนนี้ไปอ้างอิงในการจัดอันดับอีกด้วย ดังนั้นหากไม่มี Keyword ที่เราโฟกัสใส่ไว้ มันก็อาจทำให้ผู้ใช้งานไม่สนใจหรือเลื่อนผ่านไปได้ นับว่าเป็นอีกหนึ่งจุดที่เราควรใส่ใจและไม่ควรมองข้าม (สนใจ >> บริการรับทำเว็บไซต์ E-Commerce)
เคล็ดลับจาก : หากเป็นไปได้ Keyword ที่อยู่ใน Description, Title และ Tags ควรเป็นคำเดียวกัน เพื่อทำให้อัลกอริทึมของ Youtube เข้าใจว่าเนื้อหาของคลิปเกี่ยวกับอะไร จะได้ถูกนำไปแสดงผลได้อย่างถูกจุดประสงค์
7. Closed Caption (CC)
Closed Caption คือซับไตเติ้ลที่เราสามารถใส่เพิ่มเข้าไปได้ในตัวคลิป นอกจากจะเสริมสร้าง User Experience มันยังทำให้ตัวอัลกอริทึมเข้าใจได้ว่าเนื้อหาภายในคลิปเกี่ยวข้องกับอะไร มีเนื้อหาแนวไหน เพื่อนำไปจัดหมวดหมู่และแสดงบนหน้าค้นหาได้อย่างถูกต้อง
8. เพิ่ม Card และ End screens
การเพิ่มการ์ด คือ การแจ้งเตือนถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องที่จะปรากฎบนหน้าวีดีโอ ซึ่งกระตุ้นให้ผู้คนดำเนินการตามที่ต้องการระหว่างการรับชมวิดีโอของคุณ หลังจากตั้งค่าแล้ว การ์ดจะปรากฏที่มุมขวาด้านบนของวิดีโอเพื่อโน้มน้าวให้ผู้ใช้คลิก
เนื่องจาก ยูทูปมุ่งหวังที่จะรักษาผู้คนไว้บนแพลตฟอร์ม การเพิ่มการ์ดจึงเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มอันดับวีดีโอของคุณ คุณสามารถเพิ่มการ์ดได้สูงสุดถึงห้าใบในวิดีโอ การ์ดสามารถรวม CTA (Call to action) ต่างๆ ได้ เช่น การนำผู้ชมไปยังช่องอื่น การบริจาคให้องค์กรไม่แสวงหากำไร หรือการระดมทุน เป็นต้น
นอกจากนี้ การเพิ่ม End screens ในตอนท้ายที่จะปรากฏขึ้นหลังจากวิดีโอจบลง จะช่วยบอกผู้ดูว่าพวกเขาจะทำอะไรต่อไปได้บ้าง ซึ่งโดยสรุปแล้ว การใช้วิธีเพิ่มการ์ด และ End screens สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในด้านประสบการณ์ของผู้ดู และกระตุ้นให้พวกเขาดูวิดีโออื่นๆ หรือดำเนินการเพิ่มเติมตามที่คุณต้องการเมื่อดูวีดีโอจบแล้ว
Youtube Analytics
หลังบ้านของ YouTube สามารถเข้าไปดู analytics ต่างๆได้ง่ายๆ ถ้าเทียบกับ Google Analytics หรือ Facebook Insight นับว่าของ YouTube ดูง่ายกว่ามากๆ มีประโยชน์สำหรับปรับปรุง SEO เน้นๆเลยก็จะมีดังต่อไปนี้
Traffic source: YouTube search คำค้นหาที่นำพามาสู่คอนเทนต์ของเรา อาจจะไม่ไช่คีย์เวิร์ดของเราตรงๆ แต่อยู่ในสโคปเดียวกัน มีความหมายไปในทางเดียวกัน เมื่อเราทำวิดีโอครั้งต่อไปก็ลองเอาคำเหล่านี้ไปใช้ดูบ้าง เพื่อที่จะให้ตรงกับการค้นหายอดฮิตมากขึ้น
Traffic source : Suggestion Video วิดีโอที่เนื้อหาใกล้เคียงกับวิดีโอของเรา โดยยอดวิวเหล่านี้มาจากการที่คนดูคลิกเข้าชมต่อมาจากวิดีโอใกล้เคียง ประโยชน์คืออาจจะลองดูวิธีการตั้งชื่อเรื่อง การนำเสนอ แนวภาพต่างๆของเขาว่ามีจุดไหนบ้างที่นำมาปรับปรุงวิดีโอของเราได้
Impressions/Views/Watch Time คืออะไร
Impressions/Views/Watch Time 3 ตัวนี้จะเรียงกันเป็นพีระมิดหัวกลับอยู่แล้ว
Impressions ก็คือจำนวนคนที่เห็นวิดีโอของเรา ไม่ว่าจากการค้นหาก็ตาม จากการขึ้น Suggestion ก็ตาม ซึ่งเมื่อคนดูเกิด Impression แล้วคลิกเข้ามาดูก็จะเกิดเป็นวิว Views ส่วนยอดคนดูที่ดูเกิน 1 นาทีก็จะส่งผลเป็น Watch Time ในที่สุด
เบื้องต้นเราสามารถวิเคราะห์ได้ง่ายๆว่าถ้าหาก Impression เยอะมากแต่ Views น้อย ก็อาจจะเพราะชื่อเรื่องไม่น่าสนใจ รูป Thumbnail ยังไม่สะดุดตา และถ้ามีคนเข้ามา Views เยอะ แต่ Watch Time น้อย แสดงว่าเปิดเรื่องมาไม่ดึงดูดพอหรือยืดเยื้อไม่เข้าเรื่องสักที ก็แก้ไขคอนเทนต์ตามจุดพกพร่องนั้นๆต่อไป
การตั้งค่าพื้นฐานของ SEO Youtube ทำยังไง
1. ความยาวของวิดีโอ YouTube (Video Length)
ในตอนเริ่มต้นยอดวิวเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการพิจารณาการจัดอันดับของอัลกอริทึม ยิ่งมียอดวิวมากเท่าไหร่วิดีโอของคุณก็จะอยู่ในอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหามากขึ้นเท่านั้นแต่อย่างไรก็ตาม YouTube ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายนั้นไปเมื่อไม่นานมานี้ ด้วยการพิจารณาองค์ประกอบส่วนอื่นเพิ่มด้วย ได้แก่
- จำนวนคอมเมนต์
- จำนวนไลค์
- จำนวนเวลาที่ถูกชมโดยรวม
- จำนวนการถูกแชร์ไปยังโซเชียลเน็ตเวิร์ก
เมตริกเหล่านี้จะช่วยทำให้อันดับของคุณดีขึ้น ในการทำ SEO YouTube แนวทางที่เราต้องมุ่งเน้นไปเพื่อให้ได้เมตริกเหล่านี้มาคือ การทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าพวกเขามีส่วนร่วมไปกับวิดีโอของคุณและอยู่กับคุณให้นานที่สุด
คุณต้องสร้างวิดีโอที่มีเนื้อหาหลากหลายซึ่งให้คุณค่าต่อผู้ชมของคุณ แม้ว่าจะไม่มีหลักเกณฑ์ แต่ความยาวของวิดีโอควรมีความยาว “ไม่ต่ำกว่า 1 นาที” ด้วยเหตุผลสองประการณ์ (สนใจ >> บริการรับทำเว็บไซต์ WordPress)
- ยิ่งความยาวของวิดีโอของคุณเหมาะสมมากเท่าไร คุณก็ยิ่งสามารถรักษาผู้ชมให้อยู่กับคุณได้นานมากเท่านั้นในวิดีโอหนึ่ง ๆ
- Bot ของ ยูทูป จะมองว่าวิดีโอที่มีความยาวน้อยกว่า 60 วินาที เป็นสแปม
“สร้างวิดีโอที่มีเนื้อหาที่มีคุณค่าและมีความยาวที่เหมาะสม นี่คือสิ่งที่คุณควรทำ”
2. ชื่อวิดีโอ YouTube (Video Name)
หนึ่งในข้อผิดพลาดในการทำ SEO YouTube ที่พบบ่อยที่สุด คือ คนจำนวนมากตั้งชื่อได้ไม่ดีพอ ทั้งในส่วนของ “ไฟล์วิดีโอ” และ “ชื่อวิดีโอ” หากคุณไม่อธิบายรายละเอียดของวิดีโอหรือเนื้อหาบนไฟล์วิดีโอ “ก่อนการอัพโหลด” Bot ของ ยูทูป จะไม่สามารถเข้าใจได้ว่าวิดีโอของคุณเกี่ยวของกับอะไร
วิธีการเพิ่มรายละเอียดของชื่อไฟล์วิดีโอและคำอธิบาย ทำได้โดย
- คลิกขวาที่ไฟล์วิดีโอ เลือก “Properties”
- ใส่ชื่อไฟล์วิดีโอที่คุณต้องการในส่วนของ File Name และ Title ให้มี Primary Keyword และ Secondary Keyword ร่วมอยู่ด้วย
- ใส่หัวข้อรอง ในส่วนของ Subtitle ให้มี Secondary Keyword อื่น ๆ (ที่ไม่ซ้ำกับ File Name และ Title) ร่วมอยู่ด้วย
- ใส่ Rating ให้เป็น 5 ดาว
- ใส่ Keyword อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในวิดีโอ ในส่วนของ Tags
- ใส่คำอธิบายในส่วนของ Comments ว่าวิดีโอมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร
- บันทึก (Save)
“หลังอัปโหลดไฟล์ และก่อนเผยแพร่โปรดแน่ใจว่า ชื่อวิดีโอ (Title) บน ยูทูป ของคุณ กับชื่อไฟล์วิดีโอ (File Name) เป็นชื่อเดียวกัน”
3. คำอธิบายวิดีโอ YouTube (Video Description)
เคล็ดลับการทำ YouTube SEO นี้สำคัญมาก คือ การเชื่อมโยงวิดีโอ ยูทูป ไปยังหน้า Landing Page บนเว็บไซต์ของคุณ หรือ Social Network Profile มันจะช่วยส่งเสริมให้ผู้ชมดำเนินการต่าง ๆ เกี่ยวกับแบรนด์ของคุณมากยิ่งขึ้น ด้วยการ “แนบลิงก์ในคำอธิบายวิดีโอ” เช่น การอ่านข้อมูลเพิ่มเติม การสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ และอื่น ๆ
การเพิ่มประสิทธิภาพส่วนที่เหลือของคำอธิบายวิดีโอ
- คำอธิบายของคุณต้องไม่ซ้ำใคร, Google ไม่ชอบคำอธิบายที่ซ้ำกัน ในความเป็นจริงวิดีโอที่มีคำอธิบายซ้ำ ๆ จะถูกลงโทษ
- คำอธิบายควรมีอย่างน้อย 200 คำ
- ใช้ Secondary Keyword ในคำอธิบายของคุณ
- ควรใช้ Keyword แต่ละคำเพียงครั้งเดียวในคำอธิบาย มิเช่นนั้นคุณจะถูกลงโทษด้วยข้อหาการจงใจบรรจุคำหลักที่มากเกินไป
4. เพิ่ม Timestamps ในแต่ละวิดีโอ
ในปัจจุบัน Google จะแสดงสิ่งที่เรียกว่า Key Moments บนหน้าผลการค้นหา เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกชมวิดีโอเฉพาะส่วน ในแต่ละช่วงเวลาที่ต้องการหรือสำคัญได้ การสร้าง Timestamps บนวิดีโอของคุณเป็นอีก 1 ส่วน ที่สามารถช่วยให้คุณมีโอกาสติดอันดับบนผลการค้นหาของ Google Search และแสดงผลอย่างโดดเด่นกว่าคู่แข่ง
การเพิ่ม Timestamps มี 3 ส่วนด้วยกัน
- บนตัวเล่นวิดีโอ
- ในคำอธิบายวิดีโอ
- ในส่วนของ Comments
5. สร้าง YouTube Playlist บนช่อง
เพลย์ลิสต์เป็นขั้นตอนสุดท้ายเมื่ออัปโหลดวิดีโอบน ยูทูป เสร็จสิ้นแล้ว มันจะช่วยจัดหมวดหมู่ให้กับวิดีโอบนช่องของคุณ ทั้งยังช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้ผู้ชมได้เข้าใจอีกทางหนึ่งว่าวิดีโอของคุณเกี่ยวกับอะไร ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้สร้างเพลย์ลิสต์ใหม่สำหรับวิดีโอแต่ละรายการ และเพิ่ม Keyword ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น ๆ ไว้ในชื่อเพลย์ลิสต์ด้วย
ตัวอย่าง
Primary Keyword : การทำ SEO YouTube
Secondary Keyword : เพิ่มวิว YouTube
ชื่อไฟล์วิดีโอ (File Name) : การทำ SEO YouTube – เพิ่มวิว YouTube
ชื่อวิดีโอ (Title) : การทำ SEO YouTube – เพิ่มวิว YouTube
คำอธิบาย (Video Description) : ใช้ Secondary Keyword อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นส่วนประกอบ ซึ่งได้แก่ การจัดทำ SEO YouTube , การตลาดบน YouTube, วิดีโอยูทูป, การตลาดทางวิดีโอ, การเพิ่มวิววิดีโอยูทูปของฉัน เป็นต้น
ชื่อเพลย์ลิสต์ (Playlist Name) : การตลาดบน YouTube, การตลาดทางวิดีโอ, การทำ SEO วิดีโอบน YouTube
6. ภาพตัวอย่างวิดีโอยูทูป (Video Thumbnails)
การเพิ่มภาพหน้าปกแบบกำหนดเองจะสามารถสร้างความประทับใจเมื่อแรกเห็น (First Impression) ได้มากกว่าการเลือกจากวิดีโอแบบอัตโนมัติ เพราะเราสามารถปรับแต่งภาพเองได้ตามที่ต้องการ
คุณสามารถเพิ่มภาพตัวอย่างที่บ่งบอกให้ผู้ชมทราบว่า วิดีโอของคุณเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรและทำไมพวกเขาควรจะดูวิดีโอนี้ การทำเช่นนี้จะช่วยเพิ่มอัตราการคลิกผ่าน (CTR) ของวิดีโออย่างมาก หากต้องการสร้างภาพตัวอย่างที่กำหนดเองให้คลิกที่ “Custom thumbnail” ที่อยู่ในหน้าจอ “Upload”
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการสร้างภาพตัวอย่างวิดีโอ
- ตรวจดูให้แน่ใจว่า คุณปรับขนาดรูปภาพให้เป็น 1280 x 720
- ขนาดไฟล์ภาพต้องน้อยกว่า 2MB
- ใช้สีสดใส หรือผสมผสานระหว่างสีสันสดใสสองสี วิธีนี้จะช่วยให้ภาพตัวอย่างวิดีโอของคุณโดดเด่นเหนือลิงก์สีน้ำเงินและพื้นหลังสีขาว ในหน้าแสดงผลการค้นหาของ Google Search
- ชนิดไฟล์ภาพต้องเป็น .JPG, .BMP, .GIF, .PNG
7. ปรับแต่ง YouTube Channel
ในหน้าโปรไฟล์แชนแนลของคุณ สามารถใส่ข้อมูลเพื่อแจ้งให้ Bot ของ ยูทูป ทราบเกี่ยวกับเนื้อหาของคุณได้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้กรอกข้อมูลที่สำคัญในทุก ๆ ส่วนของหน้านั้นแล้ว การปรับแต่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของหน้าโปรไฟล์แชแนล จะช่วยเพิ่มอันดับวิดีโอของคุณ ในผลการค้นหาอย่างมาก
ส่วนของข้อมูลที่คุณควรปรับแต่งให้เหมาะสม
คุณจำเป็นต้องมีภาพพื้นหลังและรูปโปรไฟล์เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจเกี่ยวกับแชนแนลของคุณ
- ภาพปกของแชนแนล (Chanel art)
ความสำคัญหลักของ Google คือการเพิ่มประสบการณ์ของผู้ใช้ ดังนั้นเมื่อเพิ่มรูปภาพ การดำเนินการทางเอสอีโอ ที่ดีที่สุดสำหรับรูปภาพ คือการตั้งชื่อไฟล์รูปภาพ ตัวอย่าง ชื่อช่อง-ชื่อธุรกิจ-keywords.jpg
- คำอธิบาย (Description)
นี่เป็นอีกทางที่คุณจะสามารถส่งสัญญาณไปยัง Bot ของเครื่องมือค้นหา เพื่อให้พวกมันทำความเข้าใจกับวิดีโอของคุณได้ง่ายขึ้น
ใช้คำอธิบายของคุณอย่างละเอียดและใช้คำ Secondary Keyword ที่ไม่ซ้ำกัน ประมาณ 2-3 คำ ในคำอธิบายของคุณ ในส่วนต้น ๆ ของประโยค
- ลิงก์ (Links)
เพิ่มลิงก์ไปยังเว็บไซต์และหน้าโซเชียลมีเดียของคุณ เป็นการช่วยเพิ่มอัตราการเข้าชมเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง ลิงก์ยังช่วยให้เครื่องมือค้นหาเชื่อมโยงวิดีโอของคุณเข้ากับเว็บไซต์หรือธุรกิจของคุณได้อีกทางนึงด้วย
- สมัครรับข้อมูล (Subscribe)
นี่คือสิ่งที่เราจะใช้เรียกลำดับที่ดีขึ้นให้กับวิดีโอของเราในวิดีโอหมวดหมู่เดียวกัน
สมัครรับข้อมูลช่อง ยูทูป ยอดนิยมที่เกี่ยวข้องกับวิดีโอของคุณ ที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกัน บอทของกูเกิลและ ยูทูป จะเข้าใจเนื้อหาวิดีโอของคุณได้มากขึ้น
8. แชร์ Video YouTube ไปยังโซเชียลมีเดีย (Social Media)
โดยทั่วไป เอสอีโอ แบบดั้งเดิม จะมีส่วนเกี่ยวข้องในด้าน โครงสร้างของเว็บไซต์, เนื้อหา, ความเร็วของเว็บไซต์, โค้ด, ความหนาแน่นของ Keyword, และ Backlink (อ่านเพิ่มเติม backlinks คืออะไร)
แต่เนื่องจากอิทธิพลของโซเชียลเน็ตเวิร์กในปัจจุบัน Google จึงต้องรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากโซเชียลเน็ตเวิร์กมาเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาโดยอัลกอริทึมเพื่อการจัดอันดับในปัจจุบัน
มีหลายอย่างที่ Google มองหา เช่น การตรวจสอบความเกี่ยวข้องของข้อมูล โดยให้ความสำคัญเกี่ยวกับประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้เป็นหลัก
หากคุณต้องการให้วิดีโอของคุณมีอันดับที่สูงขึ้น ใน Google และ YouTube คุณต้องแชร์ลิงก์ในโซเชียลมีเดีย โดยวิธีต่อไปนี้
- การซิงค์ช่อง ยูทูป เข้ากับบัญชี Facebook, Twitter โดยอัตโนมัติ ซึ่งหมายความว่าเมื่อวิดีโอใหม่ถูกอัปโหลด มันจะถูกส่งไปยังบัญชีโซเชียลเน็ตเวิร์กเหล่านี้ทุกครั้งโดยอัตโนมัติ (ในรูปนามของแบรนด์)
- โพสต์ไปยังบัญชีโซเชียลเน็ตเวิร์กส่วนตัว
- ซื้อบริการแชร์วิดีโอไปยังบัญชีโซเชียลเน็ตเวิร์กยอดนิยม
เทคนิคชวนคนมาแชร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำ youtube seo
การชักชวนหรือแชร์ link ในโซเชียลมีเดียต่างๆ ร่วมด้วยก็ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้ search engine รู้จักเรามากยิ่งขึ้นด้วย อย่าลืมว่านอกจากจะทำช่องให้คนดูรักแล้วก็ต้องทำให้ google ชื่นชอบด้วยเช่นกัน โดยมีเทคนิคง่ายๆ มาแชร์กันด้วยดังนี้
- คุณภาพของวิดีโอ ความคมชัด ความละเอียดรวมถึงขนาดของวิดีโอที่เหมาะสม ขนาดวีดีโอแนวตั้งที่เหมาะสมคือ 1080×1920 pixel ส่วนวีดีโอแนวนอน 1920×1080 pixel หรือจะเป็น 4k ก็ยิ่งดี
- คุณภาพของเนื้อหา ทั้งเนื้อเรื่องที่สร้างขึ้นมาเป็นของตัวเอง ด้วยตัวเองไม่ได้ไปเอาไฟล์ ไปดูดงานของคนอื่นมาตัด (original content) คือสร้างด้วยตัวเองนั่นแหล่ะ รวมถึงเนื้อหาที่ google ชอบเหลือเกินจำพวก how to, review สอนเทคนิค สอนภาษา วิดีโอที่ดูแล้วสนุกตรงกลุ่มเป้าหมาย
- โปรโมทด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการแชร์ในโซเชียลมีเดียต่างๆ การคอมเมนต์ เพิ่ม link หรือสร้าง blog ของคุณเองก็เป็นการเสริมแรงอีกทาง
- ที่สำคัญอีกหนึ่งเรื่องก็เป็นการ กำหนดตั้งค่าต่างๆ ที่บอกไปข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล ชื่อเรื่อง tags คำอธิบาย ชื่อภาพ ก็ควรสร้างให้ถูกใจ google ตัวอย่างเช่น
ใช้ tags ให้ตรงกับการค้นหาของกลุ่มเป้าหมายและเนื้อหา การติด tags ยังช่วยให้ google รู้จักและเข้าใจว่าวิดีโอของคุณนั้นเป็นเรื่องอะไร ซึ่งจะช่วยให้เขาแสดงผลในเนื้อหาใกล้เคียง (related content) - ชื่อของวิดีโอควรมีความยาว 5 คำขึ้นไป
- คำอธิบายวิดีโอควรมี keywords ประมาณ 25 ตัวอักษรขึ้นไป ให้เป็นคำซ้ำของ keywords ประมาณ 2-4 ครั้งและในขณะที่คำอธิบายควรมีความยาว 250 ตัวอักษรขึ้นไป
- ใส่ timestamps ลงไปด้วย ซึ่งยูทูปเขาได้ทำฟังก์ชันนี้ขึ้นมาเพื่อให้ผู้ใช้ เลือกดูเนื้อหาเฉพาะช่วงเวลาที่ต้องการ คล้ายๆ กับมีสารบัญบนคลิปวีดีโอ เวลาจะเรียบเรียงเล่าเรื่องก็ง่าย คนดูก็หาเนื้อหาง่าย
องค์ประกอบของการจัดอันดับ Ranking บน YouTube
- Comment ใต้วิดีโอ
- จำนวนคน Subscribe หลังจากดูวิดีโอจบ
- จำนวนการแชร์วิดีโอออกไปในสื่อโซเชียลมีเดีย
- Click-through rate หรือ CTR
- ความยาววิดีโอ
- Watch Time หรือระยะความยาวที่ดู
จะเห็นได้ว่าหลักๆ YouTube ค่อนข้างให้ความสำคัญกับ Audience Engagement เป็นหลัก ดังนั้นหากรู้แบบนี้แล้วเราในฐานะการตลาดจะปรับหรือ Optimize วิดีโอของเรายังไงเพื่อเพิ่มอัตราการ Search และเข้าถึงได้บ้าง ลองมาดูวิธีต่างๆ กัน
1. YouTube SEO Keyword
แน่นอนว่าอันดับแรกต้องเป็นเรื่องของการเลือกคำ Keywords ที่เราคิดว่าจะมีคน Search หาก่อน โดยหลักการคิดคำง่ายๆ คือการสมมุติว่าถ้าเราเป็นคนจะหาคลิปนี้ คนที่อยากรู้เรื่องนี้เค้าจะ Search ด้วยคำว่าอะไร? เริ่มแรกอาจจะเป็นการ List คำที่เป็นไปได้ออกมาก่อน หลังจากนั้นค่อยจับเรียงให้เป็นประโยคสั้นๆ อย่างชื่อเรื่อง เป็นต้น แต่หากว่าไม่แน่ใจจริงๆ ว่าจะใช้คำหรือประโยคว่าอะไรดี อาจจะลองดูจาก
YouTube Search Suggest : ให้ลองเอาคำ Keywords ที่เราลิสๆ มานั่นแหละ มาพิมพ์ลง Search Bar ใน YouTube ดู แล้วลองกวาดตาดูตรง Drop down ว่าระบบแนะนำคำแบบไหนหรือหัวเรื่องแนวไหนให้บ้าง
Video tags : ลองสังเกตในส่วนของวิดีโอที่มีเนื้อหาที่คล้ายๆ กันบ้าง ว่าเจ้าของคลิปเหล่านั้นเค้าใช้ Tags อะไรภายใต้ Video description บ้าง หลังจากนั้นเราก็หยิบจับมาเลือกใช้ดู
YouTube Traffic Source : ลองเปิดดู Report ของช่องเราดูบ้างว่าคนข้างนอกที่เค้าเคยเข้ามาดูคลิปของเรา เค้าเจอเราหรือเข้ามาหาเราด้วย Keywords ประเภทไหน คำไหนที่คนคลิกเข้ามา พอรู้แล้วก็เอามาขยี้ต่อนั่นเอง (อ่านเพิ่มเติม website traffic คืออะไร)
หากเป็นไปได้ Keyword ที่อยู่ใน Description, Title และ Tags ควรเป็นคำเดียวกัน เพื่อทำให้อัลกอริทึมของ Youtube เข้าใจว่าเนื้อหาของคลิปเกี่ยวกับอะไร จะได้ถูกนำไปแสดงผลได้อย่างถูกจุดประสงค์
2. การทำ Optimize ให้วิดีโอ
เทคนิคในการ Optimize วิดีโออย่างนึงก็คือการทำให้ระบบ YouTube เข้าใจว่าคลิปของเรานั้นเกี่ยวกับอะไร ตั้งแต่ในชื่อ Title และ Description ก็ควรใส่คำ Keywords นั้นๆ ให้คล้องจองกัน โดยการใช้ Keywords SEO เดียวกันทั้งในชื่อคลิปและคำอธิบายบริบทด้วย
Tips ก็คือ
- ใส่ SEO Keyword ภายใน 25 คำแรกของ Video Description
- เขียน Description ให้มีความยาวอยู่ที่ราวๆ 200 คำ
- กระจาย SEO Keywords ออกไปทั่วๆ ซัก 2-4 ครั้ง ระวังอย่า Spam มากเกินไป
- ใส่ Tag แรกให้เป็น Tag หลักที่คนจะหา
- ลองปรับคำหรือประโยคให้เป็น Tags มากขึ้น เช่น #แต่งบ้านสีเขียว #มุมสีเขียวในบ้าน เป็นต้น
- ใส่ Tag ของ Related-topic เพิ่มดูบ้าง เช่น คลิปเกี่ยวกับปลูกต้นไม้ แต่ก็อาจจะติดเรื่อง #การแต่งบ้าน เข้ามาด้วย
3. หาวิธีเพิ่ม Comment หรือ Subscribers
อย่างที่บอกว่า Ranking นั้นเน้นเรื่อง Audience Engagement อยู่มาก แล้วเรื่องของ Comment ก็เป็นส่วนสำคัญในนั้น ดังนั้นเราต้องพยายามหาทางให้คนทิ้ง Comment ใต้คลิปเรามากๆ ไม่ว่าจะเป็นการถามคำถามให้คนช่วยกันตอบ หรือการปัก Top Comment เพื่อ Stir ให้คนมาตอบต่อๆ ไป ซึ่งการที่มีคอมเมนต์เยอะๆ นั้นมันก็จะลิ้งค์กับการเป็น Popular Video ด้วย
อีกส่วนนึงก็คือเรื่องของการเพิ่ม Subscribers ให้ช่องยูทูป นั่นคือสาเหตุว่าทำไม YouTuber ทุกท่านถึงต้องชอบพูดว่า ‘อย่าลืม Subscribe หรือ สับตะไคร้’ เพราะจำนวนคน Subscriber หนึ่งคนนั้นมีค่ามากกว่าจำนวน Comment หนึ่งอันอีก เพราะสำหรับระบบหลังบ้านแล้ว มันหมายความว่าคนที่สับตะไคร้ จะมีโอกาสเข้าถึงเนื้อหาได้อีกต่อเนื่องยาวๆ ไปในอนาคตนั่นเอง
4. อย่ามัวแต่สนใจว่าจะมีคนดูจนลืมว่าวิดีโอมันน่าดูไหม
เรื่องของ Video Quality นั่นพูดได้ 2 แง่คือเนื้อหาความน่าสนใจโดยรวมว่ามีคุณภาพดีพอไหม เพราะเรื่องนี้จะส่งผลโดยตรงกับ Audience Retention และ Watch Time ของผู้ชมกับคลิปของเราว่าเค้ารับชมวิดีโอเรานานเท่าไหน อีกเรื่องคือส่วนของคุณภาพ Video ในเชิงเทคนิคความคมชัด ภาพแตกต่างๆ เรื่องเหล่านี้กระทบกับผลการค้นหาด้วยดันทั้งคู่ อย่างไรก็ตามหากเนื้อเรื่องของคุณน่าสนใจแล้ว ก็เพียงแต่ใส่ใจในการทำ Production เพิ่มอีกนิด ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นทำ Premium Quality เพียงแต่ลงทุนเล็กน้อยเพื่อให้มั่นใจว่าคลิปของคุณนั้นภาพชัด ฟังได้ยินเสียงชัดเจน ไม่มืดมนจนเกินไป หรือสั่นมากจนดูแล้วตาลาย เป็นต้น
5. จัดทำ Thumbnail ให้สวยงาม
แน่นอนว่าภาพหน้าปกหรือ Thumbnail เป็นส่วนสำคัญของวิดีโอมากที่จะทำให้คนอยากคลิกเข้ามาหรือไม่ ดังนั้นการเสียเวลาเพิ่มกับการทำ Thumbnail จึงส่งผลต่อ Ranking SEO ด้วย เพราะหากภาพน่าดึงดูดมาเท่าไรจนคนเข้ามาเพิ่ม ก็จะทำให้ Ranking การค้นหาเพิ่มตามไปด้วย ดังนั้นพยายาม Hint ใน Thumbnail นิดๆ ว่าคนดูจะได้เห็นอะไรจากคลิปนี้บ้าง เพื่อกระตุ้นให้คนคลิกเข้ามาชม
6. ใส่ Caption ในคลิปเพิ่ม
การใส่ Caption ในวิดีโอนอกจากจะช่วยให้คนเข้าใจสิ่งที่เราพูดในคลิปมากขึ้นแล้ว ยังสามารถใช้ดูตอนปิดเสียงได้ด้วย ดังนั้นพยายามใส่ Caption เพิ่มเข้าไปก็จะช่วยให้คน access เข้าคลิปได้ตลอดเวลามากขึ้น
7. สร้าง Inbound Link
แน่นอนว่าแต่ละคลิปของเรานั้นล้วนแต่มี URL Link ด้วยกันทั้งสิ้น รวมไปถึง Link URL ของช่อง YouTube เราด้วย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อ YouTube SEO เช่นกัน ดังนั้นพยายามใส่ Inbound link เพิ่มขึ้น อย่างการสร้างคลิปแรกเรื่องการปลูกต้นทานจะวัน เรื่องต่อไปเมื่อพูดถึงการปลูกพืชประเภททนแดดทนลมก็อาจจะทำ Inbound link เชื่อมไปหาคลิปการปลูกดอกทานตะวันก่อนหน้า ให้ระบบหลังบ้านของยูทูปเข้าใจว่า เรานี่แหละเป็นผู้เชี่ยวชาญหลักเรื่องการปลูกพืชไม้ประดับเหล่านี้
8. แชร์คลิปในช่องทาง social media อื่นๆ
จำนวน Link คลิปของเราที่ไปปรากฏข้างนอก YouTube หรือบน Social Media อื่นๆ นั้นก็ส่งผลต่อระบบ SEO ของ YouTube เช่นกัน ดังนั้นหากเรามีช่องของตัวเอง อย่าลืมที่จะแชร์คลิปเราออกไปเยอะๆ หรือ Encourage กระตุ้นให้คนช่วยแชร์ หรือจะยิง Email Marketing ต่างๆ เพื่อให้คนเข้าถึงเนื้อหาและช่องของเรามากขึ้นด้วย ยิ่งมีคนช่วยแชร์ Link ของเรามากเท่าไร ก็จะยิ่งนับว่ามีคน Mention ถึงเนื้อหาของเรามากขึ้น และมันเท่ากับว่าเนื้อหานี้ช่างดีเหลือเกิน ถึงขั้นคนแชร์และพูดถึงเป็นพันๆ คน Ranking ในการดันคลิปก็จะ Search เจอง่ายขึ้น
การสร้าง Backlink ไปยังวิดีโอ ยูทูป และ Embed วิดีโอ
ด้วยเคล็ดลับทั้งหมดด้านบน จะช่วยให้วิดีโอของคุณได้รับการจัดทำดัชนี (Indexed) บน Google ภายใน 2-3 นาที
ในการจัดอันดับสำหรับ Keyword ที่มีการแข่งขันสูง เช่น รับทำ YouTube SEO, ผู้เชี่ยวชาญ เอสอีโอ, คุณจะต้องสร้าง Backlink กลับไปยัง URL วิดีโอของคุณ หรือ Embed วิดีโอ ของคุณไว้บนเว็บไซต์อื่น ๆ ด้วย
หากคุณทำได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม วิดีโอของคุณจะได้รับการจัดอันดับที่ดียิ่งขึ้นสำหรับ Keyword นั้น ๆ แต่หากคุณทำลิงก์อย่างไม่ถูกต้อง วิดีโอของคุณก็จะถูกทำเครื่องหมายว่าเป็นสแปมและถูกนำออกจาการจัดทำดัชนีในทันที
คำแนะนำ
- สร้างลิงก์ครั้งละจำนวนน้อย ๆ ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น 3-4 ลิงก์ต่อสัปดาห์, คุณสามารถนำลิงก์วิดีโอ ยูทูป ของคุณ ไปเผยแพร่ในบล็อก, Pinterest, Tumblr, เว็บ 2.0 และลายเซ็นของอีเมลได้ นอกจากนี้อย่าลืมเพิ่มวิดีโอของคุณลงในเว็บส่วนตัว (หากมี)
- ขั้นตอนการจัดอันดับวิดีโอ ยูทูป คล้ายกับการจัดอันดับเว็บไซต์ ปัจจัยหลักคือ Backlink ชี้ไปที่วิดีโอของคุณ, อย่างไรก็ตาม ยูทูป มีปัจจัยอีกอย่างหนึ่งนั่นคือจำนวนเว็บไซต์ที่ Embed วิดีโอของคุณ ก็จะถูกนำมาพิจารณาด้วย
กลยุทธ์การสร้าง Backlink และการฝังวิดีโอ สำหรับการทำ SEO YouTube
การแชร์ไปบนบัญชีโซเชียลเน็ตเวิร์กของธุรกิจหรือแบรนด์ของคุณ : เช่น Facebook Fanpage,Twitter และในบัญชีของคุณเอง (อ่านเพิ่มเติม การทำ Facebook SEO)
การส่งวิดีโอไปยัง OnlyWire (onlywire.com) : เป็นตัวช่วยในการส่งวิดีโอไปยัง Social Bookmark ได้ทีละหลาย ๆ เว็บภายในครั้งเดียว ตามจำนวน Social Bookmark ที่เรามีบัญชีอยู่
โพสต์บนเว็บไซต์ : สร้างเนื้อหาเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับวิดีโอของคุณและเพิ่มลิงก์ไปยังวิดีโอหรือฝังวิดีโอ ในเนื้อหานั้น ๆ และโปรดแน่ใจว่าเนื้อหาของคุณมี Keyword ที่เกี่ยวข้องกับวิดีโอของคุณด้วย
โพสต์บนบล็อกส่วนตัวของคุณ : หากคุณยังไม่มีบล็อกส่วนตัว ถึงเวลาแล้วที่ควรจะสร้างมันพร้อมกับเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจึงใส่ลิงก์ไปยังวิดีโอของคุณ หรือฝังวิดีโอในเนื้อหานั้น ๆ
ส่งไปยังเว็บไดเรกทอรีและเว็บโปรไฟล์ธุรกิจต่าง ๆ
Guest Post : เขียนบทความในบล็อกหรือเว็บไซต์พันธมิตรของคุณ แนบลิงก์หรือ Embed วิดีโอไว้ในเนื้อหานั้น ๆ
โพสต์ไปยังเว็บกระทู้ต่าง ๆ
เครื่องมือ Youtube SEO Tool
แนะนำเครื่องมือ vidIQ สำหรับช่วยทำ SEO YouTube
vidIQ Vision for YouTube คืออะไร ?
vidIQ คือ เครื่องมือฟรีที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลสถานะต่าง ๆ ของวิดีโอ YouTube แบบละเอียด เพื่อให้เราได้เห็นส่วนที่ควรปรับปรุงหรือแก้ไขให้ดีขึ้น โดยถูกทำขึ้นมาในรูปแบบของ Extension สำหรับ Chrome Browser
ฟังก์ชันเบื้องต้น
- แสดงคะแนนโดยรวม โอกาสที่คนจะเห็นวิดีโอของเรา ในวิดีโอที่เกี่ยวข้อง การค้นหาและวิดีโอที่แนะนำ
- แสดงค่าสถิติทั่วไป เช่น Like, Dislike, Comment, Social Share
- แสดงคะแนนทาง SEO ของวิดีโอ
- แสดงเช็คลิสต์ในส่วนของ Title, Description, Tags และอื่น ๆ เพื่อให้เราทราบว่าใส่ครบหรือไม่
vidIQ ติดตั้ง
การติดตั้ง vidIQ สามารถทำได้อย่างง่าย เพียงดาวโหลดหรือกดติดตั้งในส่วนของ Chrome Extension ได้ที่ https://vidiq.com/extension/
อ่านเพิ่มเติม Instagram SEO
สรุป
ขั้นตอนทำ SEO YouTube นั้น การทำ YouTube SEO คือการคิดถึงคนดูเป็นสำคัญ เพราะ YouTube เป็นแพลตฟอร์มที่เน้นให้คนใช้เวลากับ YouTube นานๆ ดังนั้น YouTube ก็จะเลือกวิดีโอที่คนดูน่าจะชอบไปส่งมอบให้คนดู ตรงนี้เองคนที่ทำงานด้านวิดีโอควรให้ความสำคัญ
- เริ่มจากการเลือกประเด็นที่คนดูสนใจ
- ทำวิดีโอโดยให้ความสำคัญกับการเล่าเรื่อง และการตัดต่อที่น่าติดตาม
- ปรับ On-Page Video ให้ง่ายต่อการถูกค้นเจอ เช่น การแทรก Keyword
- สร้าง User Experience ที่ดี ด้วยการใส่ CC หรือใส่ Card และ End Screen ให้คนดูวิดีโอของเราต่อ
- โปรโมตวิดีโอช่วยเสริมการทำ YouTube SEO อีกแรง
- (Tip) ปรับแต่ง Channel และ VDO Playlist ต่างๆ เพื่อชวนคนดูมาเป็นผู้ติดตามต่อ
นอกจากเนื้อหาและคุณภาพของคลิปวิดีโอแล้ว องค์ประกอบปลีกย่อยอื่น ๆ อย่างเช่น Title, Description, Tags หรือ Closed Caption ต่างก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการค้นหาและจำนวนยอดวิวที่ได้รับ ดังนั้นหากคุณต้องการให้คอนเทนต์ของคุณเข้าถึงผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด คุณก็ควรปรับแต่งรายละเอียดเหล่านี้ เพื่อให้ตัวคลิปอยู่ในหมวดหมู่ที่ถูกต้องและถูกค้นหาเจอได้โดยง่าย ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพที่หลายธุรกิจชั้นนำทั่วโลกต่างเลือกใช้